Sunday, November 22, 2009

ตกงานมาหนึ่งปี มีหนี้เป็นล้าน เงินสดไม่ถึงแสน อยู่รอดได้อย่างไร

ผมเริ่มต้นเขียนบล็อกนี้มาตอนต้นปี ก็ประมาณเกือบสามเดือนที่ตกงาน ณ วันนี้ก็ครบหนึ่งปี(เกินมานิดหน่อย) ถามว่าผมใช้่ชีวิตอยู่ได้อย่างไร ทั้งที่หนี้สินก็ยังต้องชำระ เงินสดในมือก็ไม่น่าจะอยู่ถึงหนึ่งปีได้ คำตอบคือ อยู่ได้ด้วยใจครับ กำลังใจที่สร้างขึ้นมาจากภายในใจของเราเอง

ผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอย่างโดดเดียว โดยที่ไม่ได้ปิปากบอกให้ใครรับทราบ ผมปิดบังทุกๆ คน โดยเฉพาะญาติพี่น้อง ไม่มีใครทราบว่าผมไม่มีงานทำแล้ว

งานที่ผมทำได้ตอนนี้ก็เห็นจะมีแต่ทางอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ถามว่ามีรายไ้ด้เพียงพอหรือเปล่า ตอบได้เลยมาแทบไม่ได้ช่วยอะไรผมได้เลย รายจ่ายแต่ละเดือนก็อยู่ประมาณหนึ่งหมื่นบาท โชคดีที่ผมเป็นหนี้น้อยทำอะไรแต่พอตัว

ย้อนกลับไปเมื่อวันวาน ผมใช้ชีวิตอย่างประมาท จะเนื่องด้วยเหตุผลอะไรหลายๆ อย่าง ปัญหานานานับประการที่ต้องเจอะเจอทำให้หลักของชีวิตเปลี่ยนไป ใช้เงินให้หมดไปวันๆ เพื่อประชดความรู้สึกบางอย่างที่มันไม่ได้ดังหวัง สุดท้ายคนที่เจ็บปวดที่สุดก็ไม่ใช่ใคร ก็คือเรานั่นเอง

ถ้าหากจะมีใครตั้งคำถามว่าทุกวันนี้ผมมีความสุขอยู่หรือเปล่า ผมตอบได้อย่างไม่ลังเลว่ามีความสุขมากกว่าที่ผมต้องทำงานประจำ ที่ชีวิตเหมือนกับโดนขีดเส้นเพื่อให้เดิน เป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันหยุดนิ่งและซ้ำซาก วิถีชีวิตที่ไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนดั่งเครื่องจักรที่มีจิตใจเท่านั้น

หลายๆ คนอาจจะรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง หรืออาจจะกำลังประชดชีวิตตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ ผมอยากจะบอกว่าชีวิตของคุณนั้นอาจจะไม่เลวร้ายเท่ากับผมหรอกครับ แล้วทำไมผมถึงยังอยู่ได้ แล้วทำไมหลายๆ คนที่ลำบากกว่าเรายังพยายามสร้างชีวิตให้ดำเนินไปข้างหน้าต่อไป

คนนั้นตาบอดขายล๊อตเตอรี่ คนนั้นขาขาดก็ขายเช่นกัน เด็กกำพร้าหวังมีอนาคต คนงานก่อสร้างตกเย็นล่ำสุราอย่างมีความสุขด้วยรายได้ขั้นต่ำ เล่นดนตรีเปิดหมวกกลางแดด เด็กรับใช้โดนเจ้าของบ้านด่าเสียๆ หายๆ บางคนออกหาปลาในแม่น้ำเจ้าพระยา คนแก่เดินคุ้ยถังขยะเพื่อหาของไปขาย คนขาพิการอยู่บนวินด์แชร์วงโคจรไม่ไกลจากบ้าน บางคนใช้เท้าแทนมือเพื่อนำอาหารเข้าปาก

เห็นหมาตัวหนึ่งจึงเรียกมันมา มันคงหวังว่าจะได้กินอะไร แต่เราไม่มีอะไรติดมา ลูบหัวมันเบาๆ รู้สึกได้ว่ามันดีใจ นั่งเล่นกับหมาอยู่นานช่วงหัวค่ำ ยุงเยอะอยู่ได้ไม่นาน ไปล่ะหมา แววตามันอาวรณ์

แมวตัวหนึ่งร้องทุกวัน เช้่าและเย็น นึกว่ามันหิว เดินหาตั้งนานอยู่นี่เอง ไม่มีอะไรให้มันกินอีก ลูบหัว เกาคางมันเบาๆ มันร้องเหมี๋ยวๆ ซักพักก็ต้องเดินจาก มันเดินตามขอไปด้วย แต่ไม่ได้ มันจำยอม

ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไป ความสวยงามในโลกนี้ยังมีให้เราได้ชื่นชมอีกมากมาย แล้วทำไมเราต้องท้อ ในเมื่อกำลังใจเรายังได้รับแม้กระทั่งจากหมาแมว

Sunday, October 25, 2009

เที่ยวกรุงสุดประหยัดกันอีกรอบ

วันนี้ถือว่าเป็นวันที่โอกาสอำนวยเป็นอย่างยิ่ง ความจริงตั้งใจเอาไว้หลายต่อหลายครั้ง หากด้วยภาระกิจหลาย ๆ อย่างยังไม่สำเร็จลุล่วงตามที่หมายไว้ก็เลยไม่ได้ออกไปเห็นแสงเดือนแสงตะวันมาเป็นแรมเดือน เล่นเอาหลาย ๆ คนสงสัยว่าทำไมเก็บเนื้อเก็บตัวจังช่วงนี้ ก็ไม่ใช่อะไรหรอก ก็เพราะภาระกิจหาเงินออนไลน์มันยังติด ๆ ขัด ๆ อยู่

นั่งทำงานไปคิดไป บรรยากาศไม่เคยเปลี่ยนก็อาจจะทำให้ความคิดมันเฉือนชาลงไป ว่าแล้วก็ได้ฤกษ์ที่จะออกธุดงค์ตอนเวลา 10.30 วันนี้ตั้งใจจะไปเดินเล่นพันธ์ทิพย์กับห้างเพลทตินั่ม ห้างพันธ์ทิพย์ก็คงจะเหมือน ๆ เดิมเพราะเพิ่งไปมาไม่นาน แต่ห้างเพลทตินั่มไม่เคยไปสัมผัสข้างในซักที

มุขเดิม ๆ ของผมครับ คือต้องนั่งรถเมล์ฟรี และผมก็ค่อนข้างจะโชคดีเพราะนั่งตั้งแต่เกือบต้นสายจนจะสุดสาย ก็เลยไม่ต้องยืนให้เหนื่อย จุดหมายแรกก็อยู่ที่สนามหลวงเช่นเคย แล้วก็นั่งสาย 2 ต่อไปลงที่ประตูน้ำ(ป้ายรถเมล์จะอยู่ตรงข้ามกับห้างพันธ์ทิพย์พอดิบพอดี) ว้า เที่ยงซ่ะแล้ว นี่ใช้เวลาเิดินทางชั่วโมงครึ่งเลยเหรอเนี๊ยะ อย่างนั้นก็ต้องไปที่ฟู๊ดเซ็นเตอร์ก่อนดีกว่า หนัีงท้องตึงหนังตาจะได้ย่อน เอ้ย...ไม่ใช่ จะได้มีแรงเดินเที่ยวเล่นยังไง

Saturday, October 24, 2009

หลงใหลได้ปลื้มกับ Amazon

นี่ก็เกือบเดือนแล้วที่ผมมั่งมั่นกับ Amazon ความจริงน่าจะทำมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้อะไรมาดลจิตดลใจให้คิดทำ แต่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะสินค้าที่ทำการโปรโมทก็ขายได้เรื่อย ๆ เรียกว่าสร้างรายได้ดีกว่าทำ Adsense อีก แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำ Adsense จะไม่ดี แต่ผมคงทำไม่ค่อยถูกวิธีเท่าไร

หลังจากที่ศึกษาในเรื่องการขายสินค้าจาก Amazon ก็ผมว่า เรายังเหมือนกบอยู่ในกะลา ยังไม่รู้อะไรอีกมากมาย ผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนจนวันนี้ก็เกือบเห็นแสงสว่าง ใช่แล้วหนทางข้างหน้าน่าจะสดใส(กำลังฝันหวาน) ใครที่ทำ Amazon แล้วยังขายไม่ได้และหลงเข้ามาที่นี่โดยบังเอิญ ผมจะบอกใบ้ให้น๊ะครับ จริง ๆ แล้วก็น่าจะรู้ ๆ กันอยู่ว่าควรจะทำอย่างไร

Astore ใครอยากทำก็ทำต่อไป แต่ถ้าจะให้เล่นกับ Astore อย่างเดียวโอกาสเกิดยากมาก ๆ ครับ ควรจะใช้ Astore เป็นตัวเสริมมากกว่าเช่นการทำ iframe บนเว็บ

สูตรสำเร็จ + ความสบายในอนาคต
Wordpress + AmazonAutopost + SEO + Social Bookmark

Friday, October 16, 2009

Amazon สร้างรายได้เร็วกว่า Adsense แต่ยากกว่าเยอะ

หลาย ๆ คนที่กำลังหารายได้เสริมออนไลน์ ต่างก็มีวิถีทางตามที่ตนเองถนัด สำหรับผมเองก็ทำมาหลาย ๆ อย่างด้วยกัน ทั้งการคลิ๊กดูโฆษณา รับจ้างดูโฆษณา(PPC) ทำ Google Adsense และสุดท้ายก็มาจบที่ Amazon ตอนนี้ที่ผมทำอยู่ก็มีการคลิ๊กดูโฆษณา(PPC) Google Adsense และ Amazon ถ้าถามว่าอย่างไหนดีกว่ากัน ผมคงตอบตรง ๆ ไม่ได้ เพราะทั้งสามอย่างที่ทำอยู่ก็สามารถสร้างรายได้ได้เหมือนกัน

PPC
การสร้างรายได้จาก PPC ถ้าจะหวังรายได้จากการคลิ๊กเอง คงเป็นเรื่องที่แสนสาหัสกว่าจะได้เงินตามเป้า การหาสายงานเพิ่มเท่านั้นที่จะทำให้รายได้ของเราเพิ่มพูนมาแบบติดจรวด แต่การหาสายงานนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกครับ มันต้องมีเทคนิคและวิธีการที่ดีพอสมควร ไม่ควรจะทำแบบตรง ๆ ให้เห็น id link ต้องทำแบบอ้อม ๆ เพราะคนท่องเน็ตสมัยนี้ฉลาดมากขึ้น

Wednesday, October 7, 2009

บทความดี ๆ ที่อยากให้อ่าน

ก่อนอื่นต้องขออนุญาติอย่างไม่เป็นทางการสำหรับคนที่โพสไว้ที่บอร์ด http://www.thaiseoboard.com/ โดยใช้นามว่า EAK099 อาจจะยาวซักหน่อยแต่อยากให้อ่านแล้วจะรู้ว่า คุณควรจะปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างไร

ผมก็ทำธุรกิจผ่านเน็ต เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จาก Online Marketing เป็นตัวจักรสำคัญในการดำเนินธุรกิจ

แต่นอกจากความสามารถพิเศษทางด้าน Online Marketing แล้ว การทำธุรกิจต้องอาศัยทักษะพิเศษมากกว่านั้น

ถ้าคุณทำได้ คุณมีเงินใช้แน่นอน

อย่าตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา  ร้องไห้

ผมมักจะเห็นคนบางคนบ่นไม่มีเงินใช้ นั่นเป็นเพราะอะไร ?
จากการสังเกตุส่วนตัว คุณลองมองดูตัวเอง
1. ผมตื่นแต่เช้า เริ่มทำงาน (คุณทำหรือไม่)
2. ผมมีงานให้ทำเยอะมาก เวลา 9 - 12.00 น.ผ่านไปอย่างรวดเร็ว (คุณยังนอนอยู่ ?)
3. ผมต้องรีบทานอาหารเช้า + อาหารกลางวันด้วยความเร่งรีบ (คุณพึ่งตื่น)
4. ผมกลับมา จัดการงานให้เรียบร้อย ถึง 1 ทุ่ม ด้วยความทุ่มเท แรงกาย แรงใจ (คุณยังสลึม สลืออยู่ ?)
5. 20.30 น. ผมกลับถึงบ้าน เขียนกำหนดการของงานวันพรุ่งนี้้ (คุณนั่งเล่นเน็ต ทำงานนิดหน่อย ออกไปสังสรรค์)
6. 22.00 น - 23.00 น. ผมนั่งปรับแต่งข้อมูลในเวปไซด์ ให้ดูดียิ่งขึ้นทุกวัน (คุณนั่งดูทีวี ? เล่นเกมส์ ?)
7. ผมตื่น 07.00 น. เตรียมอาบน้ำไปทำงาน และ จัดตารางงานให้แน่ใจว่าจะทำให้ครบทุกอย่าง (คุณนอนหลับสบาย ?)

Wednesday, September 30, 2009

กำลังเปลี่ยนใจจาก Adsense เป็น Amazon

หลังจากที่ผมได้เพียรพยายามที่จะหาโอกาสสร้างรายได้ทางอินเตอร์เน็ตจาก Google Adsense เป็นเวลาเกือบหนึ่งปี ก็ต้องบอกตรง ๆ ว่ายังไม่ประสบผลสำเร็จ ถ้าถามว่าได้เงินหรือเปล่า ก็ต้องตอบว่าได้ แต่ไม่ได้ตามเป้าที่วางเอาไว้ ช่วงนี้ก็คงต้องหยุดพักรบกับ Google Adsense ไปก่อน และก็หลาย ๆ เว็บที่ผมทำอยู่ก็คงจะไม่ค่อยได้อัปเดทเหมือนที่ผ่านมา

คงต้องใช้เวลาอีกซักเดือนหรือสองเดือนสำหรับการเริ่มต้นใหม่ที่ Amazon จะว่าไปแล้วการแข่งขันการขายของจาก Amazon ก็ค่อนข้างสูง ผมเริ่มมาได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์กว่า ๆ ก็เห็นปัญหาและอุปสรรคมากมายอีกทั้งยังขาดความรู้ในเรื่องของการทำเว็บเพื่อขายของ ซึ่งแน่นอนว่าการขายของจาก Amazon ต้องเป็นเว็บไซด์ภาษาอังกฤษ

หลังจากที่แฝงตัวเข้าไปอ่านเรื่อง Amazon จากหลาย ๆ เว็บบอร์ด จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าทำอย่างไรถึงจะหาเงินจาก Amazon ได้ สำหรับวิธีการที่ผมได้ศึกษามาประมาณหนึ่งอาทิตย์สำหรับการสร้างรายได้จาก Amazon ก็พอสรุปได้ดังนี้

Saturday, September 26, 2009

ในที่สุด...แค่ลงมือทำ แค่นั้นเอง!!!!

บังเอิญไปเจอกระทู้ดี ๆ จากพันทิพเช่นเคย โพสโดยคุณ Dekmong อ่านดูแล้วก็เข้าท่าเข้าที เขียนค่อนข้างดีพอสมควร ก็ขออนุญาตินำมาเก็บไว้ที่บล็อกของผมน๊ะคร้าบบบบ

คุณเคยคิดกันไหมคะว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เกิดมา เป้าหมายในชีวิตของคุณ คืออะไร? ตอนเด็กๆ หากคุณครูหรือใครก็ตามถามว่าโตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร คำตอบที่ได้ยินคงไม่พ้น เป็นหมอ เป็นครู เป็นทหาร และอีกหลาย ๆ อาชีพนับไม่ถ้วน

แต่...ถ้าถามว่า จะมีซักกี่คนที่สามารถเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริงได้คิดว่าคำตอบที่ได้คงไม่ถึง 1 ใน 3

ดิฉันขอแชร์ประสบการณ์ของตัวเองหน่อยนะคะ

ดิฉันเองเป็นเด็กในจำนวนเด็กหลายๆคนที่เคยตอบคุณครูกลับไปว่าอยากเป็นหมอ เพราะหมอเป็นอาชีพที่ดูสวยหรู เป็นหมอได้รักษาคน ได้ช่วยพ่อแม่ญาติพี่น้อง และที่สำคัญ คิดว่าได้เงินเยอะ (มากๆ)

แต่พอโตขึ้นมาอีกนิด ความคิดก็เปลี่ยนไป เนื่องจากสติปัญญาไม่เอื้ออำนวย บอกกับความขี้เกียจที่เริ่มทวีคูณขึ้นตามอายุ และวัยวุฒิที่มีมากขึ้น ทำให้สรุปได้ว่า อาชีพหมอมันคงไม่ใช่อาชีพที่ใช่สำหรับเราอีก คราวนี้เลยเกิดปัญหาหนักว่า แล้วอาชีพที่เราชอบ เราอยากทำล่ะ คืออะไร?

Wednesday, September 23, 2009

ขอได้โปรด

"คุณไม่ควรกระทำการใด ๆ ที่มีผลกระทบต่อภาวะจิตใจของลูกหรือเด็ก รวมทั้งพฤติกรรมการแสดงออกต่าง ๆ ที่จะส่งผลในทางลบ

นั่งฟังข้างบ้านทะเลาะกัน ความจริงแล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะฟังแต่เนื่องจากเสียงค่อนข้างดัง อีกทั้งกำลังทำงานและคิดอะไรหลาย ๆ อย่างอยู่ ก็เลยเสียสมาธิ ก็มานั่งเขียนเรื่องนี้แหละ

ความจริงแล้วผมก็ได้ยินผัวเมียคู่นี้ทะเลาะกันอยู่บ่อย ๆ และก็ไม่สนใจอะไรถ้าหากไม่มีเสียเด็กร้องตามมาด้วยเป็นระยะ ๆ ครับเป็นลูกของคนทั้งคู่นั่นเอง จะด้วยเพราะความยากจน หรือเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเศร้าใจทุก ๆ ครั้งก็คือ ลูกเล็กของเขาก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยทุกครั้ง

Wednesday, September 9, 2009

ส่งเงินสมทบประกันสังคมงวดที่ 4 ที่ธนาคารกรุงไทย

หลังจากที่สงสัยมานาน เพราะหาข้อมูลไม่ได้และไม่มีโอกาสถามเจ้าหน้าที่ประกันสังคมว่า ชำระเงินสมทบประกันสังคมที่ธนาคารจะเสียค่าธรรมเนียมหรือเปล่า วันนี้มีโอกาสไปเดินห้างและก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีธนาคารกรุงไทยอยู่ที่ห้างนั้นด้วย ก็เลยถือโอกาสชำระเงินค่าประกันสังคมซ่ะเลยดีกว่า เพราะถ้าจะเดินทางไปชำระเองที่สำนักงานประกันสังคมก็คงไม่คุ้มค่าเดินทาง คิดไปคิดมาแล้วถ้าหากจะเสียค่าธรรมเนียม 10 - 15 บาทก็ยังคุ้มที่จะเดินทางไปเอง

ว่าแล้วก็เดินไปที่ธนาคารกรุงไทย จะมีแบบฟอร์มสีเหลืองให้กรอก ซึ่งมีข้อแนะนำอยู่ด้านหลังแบบฟอร์มดังนี้
  1. ให้กรอก "เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน" ยกเว้นกรณีไม่มีเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ให้กรอกเลขที่ ที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดเท่านั้น
  2. ช่อง "งวดที่ต้องการชำระ" 2 ช่องแรก หมายถึง เดือนที่ชำระเงินสมทบ 4 ช่องหลังหมายถึง ปี พ.ศ. ที่ชำระเงินสมทบให้เขียนเป็นตัวเลขเท่านั้น เช่น ชำระเงินสมทบของเดือน มกราคม 2547 ให้เขียนว่า [0][1][2][5][4][7] เป็นต้น
  3. การรับชำระเงินต้องครบถ้วนตามจำนวนที่แสดงไว้ใน แบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ
  4. การรับชำระเงินสมทบให้เขียนใบชำระเงินประกันสังคมแยกเป็นเงินสด เงินโอน หรือเช็ค อย่างละ 1 ฉบับ ตามประเภทการชำระเงิน
กรณีเป็นเช็คจะต้องมีลักษณะ และเงื่อนไขดังนี้ : -
  • เป็นเช็คของสถานประกอบการหรือแคชเชียร์เช็ค (Casher Cheque)
  • เป็นเช็คของธนาคารที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ของสถานประกอบการนั้น
  • มิใช่เช็คโอนสลักหลัง
  • เช็คที่ผู้มีหน้าที่ชำระเงินสมทบเป็นผู้เซ็นสั่งจ่าย
  • เป็นเช็คที่ลงวันที่ในวันมาชำระ หรือลงวันที่ก่อนชำระไม่เกิน 7 วัน และห้ามรับเช็คลงวันที่ล่วงหน้า
  • เป็นเช็คขีดคร่อมสั่งจ่ายให้่แก่สำนักงานประกันสังคม หรือกองทุนประกันสังคม และขีดฆ่าคำว่า "ผู้ถือ" ออก
  • ห้ามใช้เช็คที่มีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินสมทบที่ต้องชำระ
หลังจากที่อ่านรายละเอียดของแบบฟอร์มเรียบร้อยแล้ว ความจริงก็ไม่ได้อ่านทั้งหมด ดูเฉพาะในส่วนที่ต้องกรอก ก็จะมีดังนี้

สาขาที่รับฝาก.......................................................วันที่.........................
หมายเลขอ้างอิง 1 [ชื่อและเลขที่บัตรประจำตัวประชนชน]
หมายเลขอ้างอิง 2 [เดือน ปี พ.ศ.]
ชำระโดย [X]เงินสด [ ]เงินโอน [ ]เช็คธนาคาร
ตัวอักษร (BAHT).................................................จำนวนเงิน (AMOUNT).......................
ผู้นำฝาก.........................


รายละเอียดในการกรอกก็มีเท่านี้นั่นแหละครับ เมื่อทำการกรอกเรียบร้อยแล้วก็เดินไปกดปุ่มเพื่อรับบัตรคิว ความจริงผมก็กรอกไม่เรียบร้อยครับเพราะจำไม่ได้ว่าต้องจ่ายเงินจำนวนเท่าไรก็ปล่อยว่างไว้ เดี๋ยวไปถามที่เคาเตอร์ก็ได้ หลังจากกดปุ่มรับบัตรคิวปุ๊บ ก็ได้คิวทันที เพราะไม่มีคนไปใช้บริการที่ธนาคาร เมื่อถึงหน้าเคาเตอร์ก็บอกว่าผมจำไม่ได้ว่าจ่ายเงินประกันสังคมเป็นจำนวนเงินเท่าไร เขาก็เขียนให้ว่า 240 บาท ผมก็จ่ายไป 300 บาทเผื่อมีค่าธรรมเนียม(ก็ยังคิดว่ามีค่าธรรมเนียมอยู่) หลังจากนั้นเขาก็ทอนมา 60 บาท ผมก็รับทันที

ตอนนี้ผมก็ทราบแล้วว่า ไปจ่ายเงินสมทบประกันสังคมที่ธนาคารไม่มีค่าธรรมเนียม เล่นเอาโง่อยู่ตั้งนานกว่าจะรู้ว่าไม่เสีย

ผมก็ยังงง ๆ อยู่เหมือนกันน๊ะ เพราะจากการหาข้อมูลจากเว็บไซด์ ก็พบว่าต้องเสียค่าธรรมเนียม หรือว่าเฉพาะธนาคารกรุงไทยไม่เสียก็ไม่ทราบน๊ะครับ เอาเป็นว่า คราวหน้าผมคงไปเสียที่ธนาคารกรุงไทยดีกว่า เพราะสะดวกดีเหมือนกัน

สรุปว่า ส่งเงินสมทบประกันสังคมที่ธนาคารกรุงไทยไม่มีค่าธรรมเนียมครับผม ธนาคารไม่รู้

9/9/09 9:09 ก่อนเที่ยง เวลาที่รอคอย

9/9/09 9:09

เห็นหลาย ๆ คนกำลังให้ความสนใจกับวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 2009 - 9 นาฬิกา 9 นาที ซึ่งถ้าเขียนเรียงเป็นตัวเลขก็จะได้เลข 9/9/09 9:09 ผมก็ขอเกี่ยวกระแสไปด้วยคนแต่ไม่ได้คิดถึงเรื่องอาถรรพ์หรือเหตุการณ์ที่มันจะเกิดขึ้น ยังไงก็จะเฝ้ารอติดตามข่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้

ในความเป็นจริงแล้วหลังจากเริ่มต้นศตวรรษที่ 21 ตัวเลขประเภทนี้ก็มีให้เห็นอยู่ทุกปี ลองดูน๊ะครับ

ปี 2001 วันที่ 1 มกราคม 2001 - 1 นาฬิกา 1 นาที ก็จะได้เลข 1/1/01 1:01
ปี 2002 วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2002 - 2 นาฬิกา 2 นาที ก็จะได้เลข 2/2/02 2:02
ปี 2003 วันที่ 3 มีนาคม 2003 - 3 นาฬิกา 3 นาที ก็จะได้เลข 3/3/03 3:03
ปี 2004 วันที่ 4 เมษายน 2004 - 4 นาฬิกา 4 นาที ก็จะได้เลข 4/4/04 4:04
ปี 2005 วันที่ 5 พฤษภาคม 2005 - 5 นาฬิกา 5 นาที ก็จะได้เลข 5/5/05 5:05
ปี 2006 วันที่ 6 มิถุนายน 2006 - 6 นาฬิกา 6 นาที ก็จะได้เลข 6/6/06 6:06
ปี 2007 วันที่ 7 กรกฎาคม 2007 - 7 นาฬิกา 7 นาที ก็จะได้เลข 7/7/07 7:07
ปี 2008 วันที่ 8 สิงหาคม 2008 - 8 นาฬิกา 8 นาที ก็จะได้เลข 8/8/08 8:08

ปี 2009 วันที่ 9 กันยายน 2009 - 9 นาฬิกา 9 นาที ก็จะได้เลข 9/9/09 9:09
ปี 2010 วันที่ 10 ตุลาคม 2010 - 10 นาฬิกา 10 นาที ก็จะได้เลข 10/10/10 10:10
ปี 2011 วันที่ 11 พฤศจิกายน 2011 - 11 นาฬิกา 11 นาที ก็จะได้เลข 11/11/11 11:11
ปี 2012 วันที่ 12 ธันวาคม 2012 - 12 นาฬิกา 12 นาที ก็จะได้เลข 12/12/12 12:12


ถ้ายังจำกันได้กีฬาโอลิมปิคปีที่แล้วที่จัดที่ประเทศจีนใช้ฤกษ์ 8/8/08 8:08 เพื่อเปิดกีฬาโอลิมปิค

ถ้าเราใส่วินาทีไปด้วยก็จะดูขลังมากขึ้น เช่น ปี 2009 วันที่ 9 กันยายน 2009 - 9 นาฬิกา 9 นาที 9 วินาที ก็จะได้เลข 9/9/09 9:09:09 ซึ่งจะนับตัวเลขทั้งหมดได้ 9 ตัว

ความจริงแล้วเลข 9 ก็มีความมหัศจรรย์อยู่ในตัวมันเองพอสมควร ลองมาดูกันต่อ

9 x 1 = 9
9 x 2 = 18 ( 1 + 8 = 9)
9 x 3 = 27 (2 + 7 = 9)
9 x 4 = 36 (3 + 6 = 9)
9 x 5 = 45 (4 + 5 = 9)
9 x 6 = 54 (5 + 4 = 9)
9 x 7 = 63 (6 + 3 = 9)
9 x 8 = 72 (7 + 2 = 9)
9 x 9 = 81 (8 + 1 = 9)
9 x 10 = 90 (9 + 0 = 9)
9 x 11 = 99 (9 + 9 = 18, 1 + 8 = 9)
9 x 12 = 108 (1 + 0 + 8 = 9)


ไม่ว่าเราจะเอาเลข 9 คูณกับเลขอะไร ผลรวมของตัวเลขจากการคูณจะได้ 9 เสมอในทุก ๆ กรณี

หลาย ๆ คนได้ใช้ฤกษ์นี้ในการเริ่มต้นหรือเปลี่ยนแปลงตนเอง เนื่องจากเลข 9 ถือว่าเป็นเลขมงคลของคนไทย ถ้าหากว่าใครที่ยังไม่ได้เริ่มต้นหรือลังเลใจที่จะทำอะไร ก็ให้ใช้ฤกษ์นี้เป็นจุดเริ่มต้น แต่ในความเป็นจริงของชีวิต การเริ่มต้นก่อนถือว่าเป็นการได้ก้าวไปข้างหน้าก่อน แต่ถ้าจะให้มีความมั่นใจในการก้าวก็ให้ถือฤกษ์ก็จะดี ยังไงก็เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเราได้ในยามที่ต้องเจอปัญหา

ขอให้โชคดีมีชัยกันถ้วนหน้าเด้อครับเด้อ

Sunday, September 6, 2009

สิ้นหวังอย่างมีหวัง ท้อแท้อย่างสดใส

เป็นธรรมดาของปุถุชนคนธรรมที่ย่อมจะมีความหวังอะไรซักอย่าง แต่จะเป็นจริงอย่างที่ต้องการหรือไม่ใช่เลยก็สุดแล้วแต่จะคาดการณ์อนาคตได้ ในยามที่สิ้นหวัง ความท้อแท้ใจก็เกิดขึ้นมาจนตั้งตัวไม่ติด ต้องมาคอยทบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ทบทวนคำพูดการกระทำที่ผ่านมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนความหวาดระแวงมันฝั่งอยู่ลึกภายในใจ แน่นอนว่าความรู้สึกเสียใจและเสียดายกับความหวังที่ตั้งไว้ย่อมมีมากเป็นธรรมดา ยิ่งคนตกงานแล้วไซร้ ไม่ต้องบรรยายกันมาก มันเจ็บลึกอยู่ในใจสั่งสมอยู่เรื่อยไป

ทุกครั้งต้องคอยนั่งให้กำลังตนเอง สร้างความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ให้กับตัวเองอยู่เรื่อยไป จะด้วยอะไรนอกจากการรอคอยความหวังและก้าวไปยังจุดหมายที่ฝันไว้ ถ้าไม่มีความหวังหรือจุดหมายให้จินตนาการ ชีวิตก็ยังไม่รู้จะดำเนินต่อไปอย่างไร

หลายครั้งหลายครา เราสามารถมองเห็นแสงสว่างได้ แม้จะเป็นเพียงลำแสงเล็ก ๆ ที่ลอดออกมาจากมุมหนึ่งภายในใจ แต่นั่นก็ทำให้เราเห็นโอกาสหรือสร้างแรงบรรดาลใจขึ้นมาได้

ผมเป็นคนที่พยายามสร้างความหวังให้กับตนเองอยู่ตลอดเวลา ความหวังที่อาจจะเกิดจากการกระทำของเราหรือการดำเนินชีวิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ไม่เคยสร้างความหวังจากสิ่งว่างเปล่า ถึงแม้ว่าหลาย ๆ ครั้ง ความหวังหรือจุดหมายที่สร้างเอาไว้จะพังทะลายลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า จะความหวังก็ยังผุดออกมาภายในหัวใจของผมอยู่ตลอดเวลา นั่นแหละที่ทำให้ผมเป็นคนที่เหมือนจะท้อแท้แต่ก็สดใสอยู่ตลอดเวลา

ในช่วงเวลานี้ในชีวิตผมก็เหมือนกัน ความหวังที่มีอยู่มันเลือนหายไป ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันอยู่ที่ปลายนิ้วเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่สามารถจะคว้ามันมาได้ ท้อแท้ใจอยู่ 3-4 วันก็มีความหวังที่ดีขึ้นมาอีก นี่แหละคือผมกับการดำรงอยู่ด้วยความหวังตลอดเวลา

ขอให้ทุกคนจงมีความหวัง เพราะฝันนั้นจะอยู่ไม่ไกล

*กำลังงง ๆ ตัวเองอยู่ ก็เขียนอะไรไปเรื่อย ๆ ระบายอะไรบางอย่างแบบงง ๆ

Saturday, August 29, 2009

การเผชิญหน้ากับภาษาอังกฤษ

หลังจากที่ผมไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ความน่าจะเป็นที่จะได้งานก็มีอยู่ค่อนข้างสูง แต่ปัญหา คือ ทางบริษัทต้องการคนที่ค่อนข้างเก่งภาษาอังกฤษ ซึ่งถ้าผ่านการสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้วจะเรียกไปทดสอบภาษาอังกฤษอีกครั้งหนึ่ง

คำพูดบางคำที่ผมจำได้ในระหว่างการสัมภาษณ์ก็คือ "จะมี notebook ให้ผม 1 เครื่อง" "ระยะเวลาการทดสอบภาษาอังกฤษประมาณ 2 ชั่วโมง" หลังจากทบทวนในสิ่งที่คนสัมภาษณ์บอกมา ผมก็นึกได้ทันทีว่าน่าจะเป็น TOEIC TEST อย่างแน่นอน เพราะเคยผ่านการทดสอบภาษาอังกฤษด้วย TOEIC มาแล้ว 2-3 ครั้งก็พอจะทราบว่าปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่ความเร็วในการทำข้อสอบ อย่างนี้ก็ต้องเตรียมความพร้อมให้กับตนเอง ซึ่งผมก็มีขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ TOEIC
TOEIC ย่อมาจากคำว่า Test of English for International Communication จัดทำขึ้นโดย Educational Testing Service (ETS) ที่ Princeton , New Jersey ในสหรัฐอเมริกา
ข้อสอบ TOEIC จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ การฟังและการอ่าน โดยอาศัยหลักการคือ ถ้าเราฟังได้ก็สามารถพูดได้ และถ้าเราอ่านได้ก็สามารถเขียนได้ ซึ่งถ้ามองแบบรวม ๆ แล้ว ข้อสอบ TOEIC ก็คือ การทดสอบการพูด ฟัง อ่านและเขียนนั่นเอง

ขั้นตอนที่ 2 ศึกษารายละเอียดของแบบทดสอบ
แบบทดสอบของ TOEIC จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การฟังและการอ่านดังที่กล่าวมาข้างต้น มาเริ่มดูแต่ละส่วนกันครับ
การฟัง(Listening Comprehension) มีทั้งหมด 100 ข้อ ประกอบด้วย 4 ส่วนคือ
  1. รูปภาพ(photographs) มี 20 ข้อ
  2. คำถาม(question-response) มี 30 ข้อ
  3. บทสนทนา(short conversations) มี 30 ข้อ
  4. บทพูด(short talk) มี 20 ข้อ
การทดสอบการฟังจะให้เวลาทั้งหมด 45 นาที(495 คะแนน)

การอ่าน(Reading Comprehension) มีทั้งหมด 100 ข้อเช่นกัน ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ
  1. ประโยคที่ไม่สมบูรณ์(incomplete sentences) มี 40 ข้อ
  2. ข้อความ(reading passages) มี 40 ข้อ
  3. เลือกคำผิด(error recognition) มี 20 ข้อ
การทดสอบการอ่านจะให้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง 15 นาที(495 คะแนน)

ขั้นตอนที่ 3 ภาคปฎิบัติ
การเตรียมความพร้อมภาคปฏิบัติก็คงจะต้องแบ่งเวลาในการฝึกฝนกันหน่อย เช่น ฝึกฟังในช่วงเช้า และฝึกอ่านในช่วงบ่าย แบ่งเวลาสำหรับพักผ่อนด้วยจะได้ไม่เครียด

เว็ปไซด์สำหรับฝึกฝนที่ผมใช้อยู่ตอนนี้ ถ้ามีเพิ่มก็จะมาเพิ่มทีหลังครับ
http://eleaston.com/standtestqz.html#toeic
http://www.1-language.com/materials/toeic/index.htm
http://www.4tests.com/exams/examdetail.asp?eid=74
http://www.docnmail.com/tests/language/toeic.htm
http://www.encomiuminteractive.com/Shockwave/AlexisDemo/
http://www.englishclub.com/esl-exams/ets-toeic.htm
http://www.english-test.net/toeic/index2.html
http://www.free-english.com/TOEIC-practice-test.aspx
http://www.toeiccity.com/

ขั้นตอนที่ 4 เริ่มทดสอบจริง
หลังจากที่เตรียมความพร้อมเรียบร้อยแล้วก็ลองมาทดสอบจริงแบบเล่น ๆ กันหน่อย ให้ลองตามเว็บไซด์นี้ดูครับ น่าจะโอเคแล้วน๊ะ

เตรียมสอบ TOEIC กับเคลฟเวอร์เลิร์น เพื่อคะแนน TOEIC ที่ดีขึ้น

ผมคาดหวังคะแนนให้อยู่ที่ประมาณ 750 คะแนนก็น่าจะเพียงพอ แต่ถ้าจะให้ใช้ได้หน่อยก็ขอซัก 800 คะแนน ยังไงก็จะต้องพยายามให้ได้ครับ สุดท้าย ขอให้ผมโชคดี!!!

Tuesday, August 25, 2009

รวมเว็บไซด์สินค้า 20 บาท

อยากขายสินค้าราคา 20 บาท ผมต้องขอออกตัวก่อนน๊ะครับว่า ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางเว็บไซด์สินค้า 20 บาทที่ผมได้หามา ก่อนหน้านี้เคยคิดที่จะหาของมาขายเหมือนกันและก็สงสัยว่าคนที่ขายของทุกอย่าง 20 บาทนี่เขาไปรับของมาจากไหน ก็เลยมองหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตดูก็เห็นว่ามีของที่สามารถนำมาขายได้ในราคา 20 บาทอยู่หลายแห่งเหมือนกัน แต่ผมไม่รับประกันน๊ะครับว่าของที่ปรากฏอยู่ในแต่ละเว็บที่ผมหามาจะมีราคาถูกที่สุด ถือว่าเป็นบรรทัดฐานของราคาเพื่อที่จะสรรหาสินค้ามาขายก็แล้วกันน๊ะครับ

ร้านราคาโอเค - ขายส่ง ทุกอย่าง 10บาท ทุกอย่าง 20บาท สำเพ็ง ตะกร้าพลาสติก จานพลาสติก สแตนเลส คลองถม เครื่องครัว จาน ชาม เครื่องเขียน ขายส่ง สินค้าราคาถูก ตลาดนัด ขายส่งทุกอย่าง สินค้านำเข้าจากจีน สินค้าจีน สินค้าราคาถูก ร้านโอเค ปากน้ำ สมุปราการ บริการส่ง

ร้านกั๊ตซี่กิฟท์ - ทุกอย่าง10บาท ทุกอย่าง15บาท ทุกอย่าง20บาท เครื่องเขียน กิฟท์ นาฬิกา ปากกา ปากกาเจล ปากกาเคมี ดินสอ ดินสอกด ดินสอต่อไส้ ดินสอสี สีเทียน ยางลบ กบเหลาดินสอ ไม้บรรทัด กรรไกร คัทเตอร์ กรอบรูป กล่องใส่นามบัตร สมุดโทรศัพท์ สติ๊กเกอร์ กิฟ กาว กล่องดินสอ วงเวียน stationery giftshop clock pen pen-gel permanent hilight pencil apollo colour eraser cutter scissor ruler 15 baht ขายส่ง เครื่องเขียน ของเล่น ของกิฟท์ชอป และสินค้าอื่นๆ ทุกอย่าง10บาท ทุกอย่าง15บาท ทุกอย่าง20บาท stationary giftshop and Other everything 10-20 Baht

ร้าน LN
- ทุกอย่าง 20 บาท ขายส่ง เครื่องเขียน เครื่องครัว เครื่องมือช่าง ของเล่น อื่นๆ

ร้าน JPP - ทุกอย่าง 20 บาท,20,ทุกอย่าง 20 ,สินค้านำเข้า,สินค้าจากจีน,ทุกอย่าง 10 บาท,ทุกอย่าง 20 บาท,ของใช้ในครัวเรือน,สินค้าพลาสติก,เครื่องครัว,ของใช้,ของเล่น,ของเล่นเด็ก,สินค้าตลาดนัด,เครื่องเขียน,เครื่องมือช่าง,สินค้าเบ็คเตล็ด,นำเข้า,กระจก,แก้ว,ชาม,มีด,กรรไกร,ค้อน,ไม้,ขัน,พลาสติก,ดินสอ,ปากกา,ขายส่ง,กิฟช็อป, สินค้าโปรโมชั่น, ราคาพิเศษ , ลดราคา, ถูก

ร้านโอเค - ขายส่ง , สินค้า , ราคา , ถูก , นำเข้า , สินค้าจีน , สำเพ็ง , ทุกอย่าง 10บาท , ทุกอย่าง 20บาท , สินค้าราคาถูก , คลองถม , จาน , ชาม , ช้อน , ร่ม , กะละมัง , พลาสติก , สินค้าสำเพ็ง , สินค้าคลองถม , เครื่องครัว , ของใช้ส่วนตัว , เครื่องมือช่าง , เครื่องเขียน , กิ๊ฟช็อป , ของเล่น , กีฬา , ขายส่ง สินค้า สำเพ็ง ราคาถูก คลองถม ทุกอย่าง 10 บาท 20 บาท กิ๊ฟช็อป เครื่องเขียน ของใช้ส่วนตัว เครื่องครัว เครื่องมือช่าง ของเล่น ของแต่งตัว

ร้าน NB Fashion
- Dress สไตล์คุณหนู แฟชั่นดารา, เสื้อยืดสกรีน 40 บาท, สายเดี่ยว + เสื้อกล้าม 20 บาท, แฟชั่นสาวหวาน สไตล์ทำงาน, เสื้อแฟชั่น Intrend ไม่มี เอาท์, แฟชั่นน่ารัก สำหรับสาวอวบ สาวอ้วน, เสื้อยืดชายสีล้วน, กางเกงขาสั้น กระโปรงแฟชั่น ฮิต มั๊กๆๆ, Sexy Fashion สำหรับสาวเปรี้ยววว, แฟชั่นเกาหลี ฮ่องกง เสื้อผ้าแบรนด์ดัง, เสื้อโปโลผู้ชาย Size M, เสื้อโปโลผู้ชาย +เสื้อยืด Size L, เสื้อยืด - เสื้อเชิ๊ตผู้ชาย Size XL - XXL, กางเกงยีนส์ มือสอง ตัดแต่งใหม่ เก๋มั๊กๆ, สินค้าไม่ผ่านQC ราคาถูกม๊ากก, เครื่องประดับ ราคาถูกกว่าสำเพ็ง

ร้าน fashiondd
- ขายส่งเสื้อผ้า,ขายส่งเสื้อยืด,ขายส่งสายเดี่ยว,เสื้อผ้าขายส่ง,เสื้อยึดขายส่ง,สายเดี่ยวขายส่ง,ขายส่งเสื้อแฟชั่น,ขายส่งกางเกงยีนส์,ขายส่งกระโปรง,ขายส่งกางเกง,fashion,เสื้อแฟชั่นราคาถูก,เสื้อ,แฟชั่น,ประตูน้ำ,ขายส่ง, ขายส่งเสื้อผ้า ราคาถูกที่สุด เสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อยืด สายเดี่ยว เสื้อกล้าม แฟชั่น ชุดเดรส ชุดแซก โปโล กางเกง วัยรุ่น วัยทำงาน แฟชั่นเกาหลี ชีฟอง เสื้อสีพื้น กระเป๋าแฟชั่น ส่งฟรีทั่วประเทศ

สำหรับร้านที่ขายเสื้อผ้าก็มีราคา 20 บาทอยู่เหมือนกัน แต่คงต้องขายมากกว่า 20 บาท อาจจะเป็น 39 บาทก็ราคาสวยดีได้กำไรเกือบเท่าตัว

อย่างไรก็ตาม ผมคงต้องขอย้ำอีกครั้งครับว่าให้ดูเป็นบรรทัดฐานของราคาเท่านั้นน๊ะครับ แต่ถ้าใครจะสั่งซื้อกับทางเว็บและเห็นว่าสะดวกดี ทำกำไรได้ ก็แล้วแต่ท่านน๊ะครับ

และอีกอย่างหนึ่ง ขอให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าร้านที่ผมหามามีตัวตนและความน่าเชื่อถือด้วยน๊ะครับ เพราะผมก็หามาให้ดูเท่านั้นไม่ได้ตรวจสอบอะไร ถ้าได้ราคาแล้วก็ลองไปเดินดูแถวสำเพ็ง โบ๊เบ๊ และประตูน้ำ เพื่อเปรียบเทียบราคาดูอีกที ถ้าดูแล้วไม่คุ้มการเดินทางก็สั่งซื้อทางเว็บจะสะดวกกว่า ถ้าซื้อเยอะ ๆ ก็ลองต่อลองกันดูว่าจะได้ราคาต่ำลงมาหาเปล่า

ขอให้โชคดีมีชัยกันน๊ะครับ

Sunday, August 23, 2009

เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน

สัมภาษณ์งาน วันนี้เป็นวันที่ผมตั้งใจจะทบทวนความรู้และประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา เพื่อใช้ในการสัมภาษณ์งานที่นัดไว้ในวันพุธหน้า เนื่องจากห่างหายจากการสัมภาษณ์มากว่า 5 เดือน ทั้งความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ก็เลือนหายไปกับกาลเวลา ขั้นตอนที่ผมจะทำการทบทวนตัวเองก็มีดังนี้

อันดับแรก อ่านรายละเอียดของงานที่สมัครให้ชัดเจนว่า Scope and Responsibilities ของงานนี้มีอะไรบ้าง รวมถึงเรื่องของ Qualifications ที่ต้องการ จะได้นำพาตัวเองให้เหมาะกับการสัมภาษณ์ที่จะเกิดขึ้น

อันดับที่สอง เข้าไปดูรายละเอียดเว็บไซด์ของบริษัทที่สมัครและศึกษาหน่วยงานที่เราสมัครไว้เพื่อเป็นแนวทางในการหาข้อมูลเพิ่มเติม

อันดับที่สาม ทบทวน Profiles(resume) ที่เราได้ส่งสมัครไปถึงความรู้ความสามารถของตนเอง ส่วนใหญ่แล้วคนสัมภาษณ์จะถามเกี่ยวกับความรู้ความสามารถที่เราเขียนไว้ใน Profiles ของเรา เพราะฉะนั้น เราต้องเข้าใจในสิ่งที่เราได้เขียนไปอย่างท่องแท้ อย่าให้มีคำพูดที่ว่า "จำไม่ได้แล้ว เพราะไม่ได้ทำมานานแล้ว" หรือ "ผมไม่ค่อยมั่นใจนัก" ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใน Profiles เรา คนสัมภาษณ์จะเชื่อว่าเรามีความเข้าใจจริง ๆ

อันดับที่สี่ นั่งทบทวนและหาข้อมูลทั้งหมดเพิ่มเติมจากแหล่งต่าง ๆ สำหรับผมก็ใช้วิธีค้นหาจากเว็บไซด์นี่แหละครับ ไม่ต้องเดินทางไปไหน

อันดับที่ห้า จัดเตรียมชุดและเอกสารที่จำเป็นให้เรียบร้อยและทำจิตใจให้สงบหลังจากที่เราได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เราตั้งใจไว้แล้ว

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมหวั่นใจก็คือ การสัมภาษณ์งานอาจจะเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมก็ยังรู้ตัวเองว่า ไม่สันทัดในเรื่องภาษาอังกฤษมากนัก และก็ต้องพยายามฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา แต่คงไม่สามารถจะเร่งวันเร่งคืนให้เก่งภาษาอังกฤษได้ภายในชั่วข้ามคืน เรื่องนี้ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไป เอาไว้ไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอา แต่ถึงอย่างไรผมก็ต้องเตรียมในเรื่องของภาษาไปเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่นการแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษและประสบการณ์ในการทำงานที่ผ่านมา เป็นต้น

สถานที่ที่นัดสัมภาษณ์จะอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค(บ้านหว้า) ระยะทางจากบ้านก็ประมาณ 60 กิโลเมตร ทำแผนที่มาให้ดูหน่อยเผื่อจะมีคนอยากรู้จัก

แผนที่นิคมอุตสาหรรมไฮเทค-บางประอิน-โรจนะ

Wednesday, August 12, 2009

กลอนพาไปในยามเหงา อารมณ์เศร้าเล็ก ๆ ก็บังเกิด

บังเอิญว่าวันนี้นั่งฟังเพลงมากไปหน่อย เพราะค่อนข้างจะเหนื่อยกับการทำงานส่วนตัวเป็นระยะเวลายาวนานมากกกกก ถือว่าวันนี้เป็นวันพักผ่อนด้วย มีโอกาสได้นั่งคิดอะไรเล่น ๆ แบบเหงา ๆ เศร้า ๆ ยังไงพิกล อารมณ์มันก็เลยพาไปให้เขียนกลอนเล่น ๆ จะได้เก็บไว้ดูเองในวันข้างหน้า ถ้าหากดูแล้วรกหูรกตาก็ไม่อย่าไปใส่ใจเลยน๊ะครับ อย่างน้อยผมก็หาความสุขได้ในวันนี้แหละครับ 12 สค. 2552 วันแม่

ตกงานใช่ชีวิตจะสูญสิ้น
ก็จะดิ้นรนค้นหาหนทาง
แม้ข้างหน้านั้นดูช่างรกร้าง
ก็จะถางทางเดินก้าวต่อไป
ไม่ขอฝากชีวิตกับความฝัน
คงมุ่งมั่นฟันฝ่าหาจุดหมาย
แม้เหน็ดเหนื่อยลำบากก็เพียงแค่กาย
ขอให้ใจไม่หวั่นไหวก็เพียงพอ
หากจะมีซักวันที่ฉันเศร้า
ดูเงียบเหงาในมุมหนึ่งอยากร้องขอ
หากจะมีซักวันที่รีรอ
อยากจะขอเพียงหนึ่งวันที่ช้ำใจ
เริ่มต้นทำวันนี้และเดี๋ยวนี้
อะไรดี ก็ยังไม่มีจุดหมาย
ทำไปเถอะทำไปก่อนค่อยทำไป
แล้วหัวใจจะพาไปถูกทิศทาง
ถ้าไม่เริ่มต้นทำกันวันนี้
ทุกนาทีผ่านไปรู้ซ่ะบ้าง
อย่าปล่อยกายปล่อยจิตให้มันว่าง
หนทางยังรออยู่ไม่ห่างไกล
ความสำเร็จนั้นต้องการเวลา
มิใช่ว่าจะรออยู่ไม่ห่างกาย
ต้องค่อยสร้าง วางแผนให้เป็นไป
คงไม่นานหวังไว้คงได้เจอ
นี่ก็ทำมานานไม่สำเร็จ
บางวันเหน็ดเหนื่อยมากจนเบอ
บางคืนเก็บไปฝันนอนละเมอ
เฮ่อ ๆ ๆ มันเหนื่อยแทบขาดใจ
ซักวันหนึ่งชีวิตจะดีขึ้น
เหมือนคนอื่นชีวิตสุขสบาย
อดทนรออีกซักนิดก็คงไหว
จะทำไง ไม่มีใครจะช่วยเรา
แต่อย่างน้อยบางอย่างก็ดีขึ้น
ไม่มีหมื่น มีหลักพัน ก็ไม่เบา
ซักวันหนึ่งวันนั้นเป็นของเรา
จะมาเล่าให้ฟังถ้าโชคดี
วันนี้ขอเป็นวันพักผ่อน
เขียนบทกลอนเล่น ๆ กันซักที
มีบทเพลงมีฝากเนื้อหาดี
อ่านดูซิ ให้กำลังใจ ดีนักเอย.....

...ถ้าไม่ลงท้ายด้วยเอย คงไม่จบซักที

เพลง/Title เนื้อเพลง: อย่ายอมแพ้
ศิลปิน/Artist: อ้อม สุนิสา สุขบุญสังข์

หากวันนี้เราล้มลง
ยังคงลุกขึ้นได้ใหม่
ถ้ายังคงมีหนทาง ถ้ายังมียิ้มสดใส
ก้าวไปอย่าหวั่นไหวหวาดกลัว
พร้อมทนทุกข์หมองหม่น
ผจญความมืดหมองมัว
ไม่กลัวจะฝันถึงวันใหม่

* หากวันใดอ่อนแอ ท้อแท้อย่าหวั่นไหว
ขอให้ใจไม่สิ้นหวัง
ปัญหาแม้จะหนัก ก็คงไม่เกินกำลัง
อย่าหยุดยั้งก้าวไป

** ขออย่ายอมแพ้
อย่าอ่อนแอแม้จะร้องไห้
จงลุกขึ้นสู้ไป
จุดหมายไม่ไกลเกินจริง

(ซ้ำ *, **, **)

ตลาดนัดติดแอร์ พันธ์ทิืพย์พลาซ่า งามวงค์วาน

ผมมีโอกาสได้ไปเดินเล่นที่พันธ์ทิืพย์พลาซ่า งามวงค์วาน หลายครั้งด้วยกัน เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก โดยส่วนใหญ่ผมจะเดินดูตลาดนัดติดแอร์กับคอมพิวเตอร์ ก่อนหน้านี้ก็เดินดูพระเครื่องอยู่เป็นประจำในช่วงที่กระแสจตุคามรามเทพกำลังบูม แต่ตอนนี้ค่อนข้างเงียบเหงา มีแต่คนเล่นพระจริง ๆ ที่จะไปเดินดูกัน

สำหรับรายละเอียดแต่ละชั้นของห้างพันธ์ทิพย์พลาซ่า งามวงค์วาน ก็มีดังนี้

ชั้น 1 และชั้น 2 จะเป็นส่วนช้อปปิ้ง เช่นร้านแว่นตา ร้านหนังสือ แหล่งรวมแฟชั่นแบรนด์เนม มีท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ตแมคโครออฟฟิศซึ่งจำหน่ายสินค้าพวกเครื่องเขียน เครื่องใช้สำนักงาน เป็นแหล่งรวมร้านอาหารแบรนด์เนมดัง เช่น KFC, S&P, MC DONALD, OISHI, Mr. DONUT, BLACK CAYON, SANTA FE STEAK, NEO SUKI ร้านขนม Mr. BUN นอกจากนี้ ยังมีโซนโทรศัพท์มือถือ อยู่บริเวณชั้น 2 และน่าจะเป็นที่ขายมือถือใหญ่ที่สุดของจังหวัดนนทบุรีก็ว่าได้

ชั้น 3 จะมีประเภทงานพิมพ์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ

ชั้น 4 เป็นช็อปแบรนด์และกลุ่มสินค้า จาก พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ ไม่ว่าจะเป็น ไอที ซิตี้ ซึ่งเป็นซุปเปอร์สโตร์ด้านไอที , ซีเอสซี , ฮาร์ดแวร์ เฮ้าส์ , คอมเซเว่น , สยาม ซอฟท์เทค , นิวคลาสเซิล , คอมพิวแอนด์มอร์ , เมาส์ กรุ๊ป , ซอฟ์ทเวิลด์ , คิง อินเทลลิเจนท์ ฯลฯ เป็นศูนย์รวมของร้านขายส่งและปลีกคอมพิวเตอร์ ส่วน พื้นที่รอบข้างของชั้น 4 จะเป็นส่วนของร้านคอมพิวเตอร์ประกอบ

ชั้น 5 ก็จะเป็นโซน SME โซนเถ้าแก่น้อย เป็นแหล่งรวมศูนย์ซ่อมและพวกแอสเซสโซรี่ต่างๆ ก็หาซื้อได้ที่ชั้นนี้ ถ้าเดินจนหิวก็อาจจะหากินที่ชั้นนี้ได้เพราะมีศูนย์อาหาร

ชั้น 6 เป็นส่วนที่เรียกว่าตลาดนัดติดแอร์ จุดเด่นก็จะเป็นพวกสินค้ามือสอง ของเก่าของโบราณ พวกของสะสมต่างๆ โดยพื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร ผู้ประกอบการกว่า 1,400 ร้านค้า โดยเฉพาะช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ คนจะแน่นมาก


ชั้น 7 จัดเป็นลานจอดรถส่วนขยายของศูนย์การค้า และในช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ จะทำเป็นตลาดนัดส่วนขยายจากชั้น 6 เนื่องจากวันเสาร์ – อาทิตย์ จะมีผู้มาใช้บริการแน่นมากจนต้องขยายพื้นที่ชั้น 7

ชั้น 8 เป็น Convention Hall เรียกว่า “NGAMWONGWAN CONVENTION HALL” สำหรับจัดงานกิจกรรมใหญ่ๆ งานที่ต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก งานไอทีต่างๆ และยังเปิดให้หน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ คล้ายกับเป็นลานอเนกประสงค์ สามารถจัดกิจกรรมใหญ่ๆ ได้ตลอดทั้งปี


สำหรับค่าเช่าสถานที่ของตลาดนัดติดแอร์ ผมไม่ค่อยแน่ใจซักเท่าไร เคยหยิบมาดูครั้งหนึ่งที่ประชาสัมพันธ์ของตลาดนัด(ชั้น 6) ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 300 บาทต่อวัน(ถ้าผิดก็ขออภัยด้วยครับ ถ้ามีโอกาสไปอีกครั้งจะสอบถามมาให้)

ถ้าใครที่สนใจอยากจะไปนั่งขายของแบบเย็นสบาย ก็ลองไปเดินสำรวจดูก่อนน๊ะครับว่าควรจะขายสินค้าประเภทไหน เพราะที่นี่มีร้านค้าค่อนข้างเยอะ ของที่เอามาวางขายก็เยอะไปหมด ถ้าเรามีสินค้าที่แปลกและเป็นต้องการของตลาด ผมว่าน่าสนน๊ะครับ

แผนที่ พันธ์ทิพย์พลาซ่า งามวงค์วาน ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี The Mall งามวงค์วาน และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

มาทำหน้ากากอนามัยใช้เองกันเถอะ

วันเสาร์ที่ผ่านมาผมไปเดินเล่นที่เมเจอร์ปากเกร็ด ก็เดินดูอะไรไปเรื่อย ๆ คร่าเวลาเพื่อทำธุระเรื่องอื่น บังเอิญเดินไปตรงทางเข้าลานโบว์ลิ่งก็ไปเจอเอกสารเกี่ยวกับการทำหน้ากากอนามัย เห็นว่าเป็นประโยชน์ก็นำมาฝากกันครับเผื่อหลาย ๆ คนต้องซื้อใช้ และหลายคนอยากจะได้แบบลายที่ถูกใจดูอินเทรนด์หน่อยก็หาไม่มี อย่างนั้นก็ทำเองเลยซิครับ ผมว่าทำไม่น่ายาก ถ้าทำดี ดูดี ก็น่าจะทำขายได้น๊ะครับ

บ้านนี้มีรัก
ใช้หน้ากากอนามัย
เป็นสื่อบอกความห่วงใยกันและกัน

คุณรู้หรือไม่...

ผู้ที่ป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่จะมีเชื้อโรคอยู่ในละออกเสมหะ น้ำลาย และน้ำมูก เมื่อผู้ป่วยไอหรือจามเชื้อโรคจะแพร่กระจายได้ระยะ 1-5 เมตร ซ่งผู้ที่อยู่ใกล้ชิดโดยเฉพาะผู้อยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับผู้ป่วยจะมีโอกาสติดเชื้อโรคได้ง่าย การสวมหน้ากากอนามัยจึงเป็นวิธีป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค

ดังนั้น หากเราต้องการให้คนที่เรารักปลอดภัยจากโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจึงควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อป่วยเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเพื่อบอกความห่วงใยกับคนที่เรารัก...

"มาทำหน้ากากอนามัยใช้เองกันเถอะ"

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้...
1. กรรไกรตัดผ้า
2. ด้ายและเข็มเย็ยผ้า
3. ผ้าฝ้าย ผ้ายืด หรือผ้าสาลูเนื้อแน่น กว้าง 6 นิ้วครึ่ง ยาว 7 นิ้วครึ่ง จำนวน 2 ชิ้น
4. ยางยืด หรือไส้ไก่ สำหรับทำหู ความยาว 7 นิ้ว จำนวน 2 เส้น


วิธีการทำ...
  1. นำผ้าที่เตรียมไว้มาพับครึ่งตามความผ้า แล้วพับจับจีบทวิช ขนาด 1 นิ้ว ตรงกลางผ้ากลัดเข็มหมุดหรือเนาตรึงไว้ ทำอีกชิ้นเช่นเดียวกัน
  2. นำผ้าที่พับไว้ตามข้อ 1 มาวาง โดยหันด้านนอกขึ้น และนำยางยืดมาวางที่มุมผ้า ด้านกว้าง ข้างบน และข้างล่าง ด้านละ 1 เส้น กลัดเข็มหมุดหรือเนาตรึงไว้
  3. นำผ้าที่พับไว้อีกขึ้นมาวางซ้อนกับผ้าชิ้นแรกที่ตรึงยางยึดไว้ โดยหันผ้าด้านนอกชนกัน แล้วเย็บจักรหรือด้นถอยหลังรอบผ้าสี่เหลี่ยม ให้ห่างจากริมผ้าด้านละครึ่งเซนติเมตร โดยเว้นช่องว่างไว้กลับตะเข็บประมาณ 1 นิ้ว
  4. ขลิบผ้าตรงมุมทั้ง 4 มุมให้ใกล้กับรอยเย็บ (เพื่อเวลากลับตะเข็บจะได้เรียบร้อยสวยงาม) แล้วกลับตะเข็บตรงช่องที่เว้นไว้
  5. สอยปิดช่องที่เว้นไว้ให้เรียบร้อย
วิธีการทำไส้ไก่ (แทนยางยืด)
  1. ตัดผ้าเป็นชิ้นยาว 15-16 นิ้ว กว้าง 1 นิ้วครึ่ง จำนวน 4 เส้น
  2. พับริมผ้าเข้าหากันตามความกว้าง แล้วทบอีกครั้ง
  3. เย็บตามแนวยาวตลอด จนสุดผ้า
  4. นำผ้าที่ได้ทั้ง 4 เส้น มาเย็บติดมุมทั้ง 4 มุม แทนยางยืด
วิธีใช้หน้ากากอนามัย
  1. ล้างมือให้สะอาดก่อนสวมใส่หน้ากากอนามัย
  2. สวมหน้ากากอนามัยให้คลุมทั้งจมูกและปาก
  3. หน้ากากที่ทำด้วยกระดาษ ควรเปลี่ยนวันละครั้ง และทิ้งหน้ากากที่ใช้แล้วในถังขยะที่มีฝาปิด ส่วนหน้ากากที่ทำด้วยผ้า สามารถซักด้วยน้ำและผงซักฟอกตากแดดให้แห้งแล้วนำมาใช้ได้อีก
  4. หากหน้ากากชำรุดหรือเปรอะเปื้อนควรเปลี่ยนใช้อันใหม่
  5. เพื่อป้องกันโครให้ได้ผล นอกจากใช้หน้ากากอนามัยแล้วควรหมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการไอ จาม หรือสั่งน้ำมูก


ที่มา : เอกสารจาก สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค
http://beid.ddc.moph.go.th/
โทร. 0 2590 3167 , 0 2590 3194

Tuesday, August 11, 2009

ส่งเงินสมทบประกันสังคมงวดที่ 3 จำนวนเงิน 240 บาท

สำหรับเงินสมทบประกันสังคมงวดนี้จนครบกำหนด 6 เดือนข้างหน้า จะลดเงินสมทบลงมาเหลือ 240 ต่อเดือน วันนี้ผมก็ไปก่อนที่ประกันสังคมจะเปิด เวลาทำการของประกันสังคมคือ 8:30 แต่ผมไปถึงประมาณ 8:10 ความจริงแล้วก็ไม่ได้อยากไปก่อนที่เขาจะเปิดทำการ แต่รู้สึกแปลกใจว่าทำไมวันนี้ถนนถึงโล่งมากจนไปถึงเร็วกว่าที่คาดหมายเอาไว้

การรอคอยเพียง 20 นาทีสำหรับผมถือว่าเป็นการรอคอยที่ค่อนข้างนาน เพราะฉะันั้นก็ต้องหาอะไรทำ เดินแว๊ะไปเวียนมาก็ไปเจอร้านขายน้ำประเภทชา, กาแฟ ร้อน/เย็น ผมก็เลยเดินเข้าไปสั่งกาแฟเย็นซักหน่อย ถ้าใส่ถุงคิด 12 บาท ใส่แก้วพลาสติกคือ 15 บาท ก็เลยนึกสงสัยว่า ราคาแก้วพลาสติกนี่มัน 3 บาทเลยเหรอ หรือว่าคิดค่าอื่น ๆ รวมไปด้วย เช่น เสียเวลาปิดฝา และต้องออกแรงกระแทกหลอดที่บนฝา มันก็เลยราคาเพิ่มเป็น 3 บาท ผมก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าราคาแก้วมันเป็นเท่าไร แต่ก็ไม่น่าจะถึง 3 บาท น่าจะประมาณบาทกว่า ๆ หรือประมาณหนึ่งบาทเท่านั้น แต่ก็ช่างมันเถอะ ว่าเลยก็ให้แบ้งค์ยี่สิบเก่า ๆ มีข้อความเขียนว่า "เงินก้นถุง" ก็น่าจะใช่เพราะเก่ามากและคงเก็บไว้ก้นถุงนานกว่าจะไ้ด้นำออกมาใช้

หลังจากดูดกาแฟไปซักระยะหนึ่ง ก็เห็นคนที่กำลังรอเวลาเปิดทำการอยู่เข้าแถวอยู่ประมาณ 10 กว่าคน เจ้าหน้าที่ก็นำเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิออกมายิงที่หน้าผากทุกคนว่าเกิด 37.5 องศาหรือเปล่า ถ้าไม่ ก็จะได้สติกเกอร์ทรงกลมสีชมพู(เป็นสีประจำวันพุธ ถ้าวันอื่นก็เป็นสีประจำวันนั้น) ติดให้กับทุก ๆ คนที่ต้องการเข้าไปใช้บริการ เดือนก่อนที่ผมไปติดต่อประกันสังคมก็ยังไม่เห็นมีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าเลยซักนิด ใครคิดอยากจะเดินเข้าเดินออกก็ทำได้ง่าย ๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้ซ่ะแล้ว ก็เลยนึกสงสัยเกี่ยวกับสถานะการณ์การระบาดของไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ 2009 ว่าเป็นอย่างไร ผมว่าน่าจะระบาดกันค่อนข้างเยอะและก็ยังควบคุมไม่ได้ในตอนนี้ ก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ต่างคนต่างก็หาทางป้องกันกันเองก็เท่านั้น ชีวิตใครคนนั้นก็ต้องระมัดระวังกันเอาเอง ถ้าดวงซวยไปติดไข้หวัด 2009 ก็คงต้องยอมรับความเป็นไป

8:30 ประตูเปิด ทุก ๆ คนรู้ตำแหน่งที่ตนเองต้องการจะไป ผมก็ต้องไปกดบัตรคิวเพื่อรอจ่ายเงิน ได้คิวที่ 9 ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็เป็นอันเสร็จพิธี แล้วก็รีบจ้ำอ้าวออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อทำภาระกิจอื่ืนต่อไป

Friday, August 7, 2009

โครงการต้นกล้าอาชีพ

"โครงการต้นกล้าอาชีพ คือโครงการของรัฐบาลเพื่อการพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงาน เพื่อสนับสนุนผู้ว่างงานและผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ ให้มีโอกาสมีงานทำมากขึ้น โดยผู้ผ่านการฝึกอบรมสามารถนำความรู้ ความสามารถกลับไปทำงานในท้องถิ่นบ้านเกิดของตัวเอง ซึ่งเท่ากับเป็นการขับเคลื่อน และพัฒนาศักยภาพของชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ในระยะยาว เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อีกด้วย"

จากการอ่านบทคัดย่อของโครงการแล้วก็นับว่าเป็นความคิดที่ดีที่จะให้คนกลับไปใช้ความรู้ความสามารถในบ้านเกิดของตนเอง ถ้าโครงการนี้เป็นจริงและทำกันอย่างจริงจัง ความเจริญทางเศรษฐกิจก็จะถูกกระจายไปยังท้องถิ่นอย่างแน่นอน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการกระจายความเจริญไปยังท้องถิ่น ยกตัวอย่างเช่น การศึกษา, ภาคอุตสาหกรรม, การขนส่ง ฯลฯ เนื่องจากความเจริญที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจะอยู่ที่หัวเมืองใหญ่ ๆ เท่านั้น โดยเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑลซึ่งมีความเจริญเป็นที่สุดในทุก ๆ ด้านของการพัฒนา อย่างแรกก็คือ การศึกษา ผมก็เช่นเดียวกันที่เป็นคนต่างจังหวัดและต้องมาศึกษาในกทม.เป็นระยะเวลา 7 ปี เพราะฉะนั้น ความรู้สึกคุ้นเคยกับบ้านเกิดคงจะน้อยลง การที่จะใช้ความรู้ความสามารถกลับไปพัฒนาบ้านเกิดก็คงน้อยลงเช่นกัน เนื่องจากจากบ้านมานานและงานที่ต่างจังหวัดก็คงไม่มีในสาขาที่ผมเรียนมาในระยะเวลานั้น จนถึงในช่วงนี้ งานในบางสาขาวิชาก็ไม่สามารถหาได้ที่ต่างจังหวัด

อย่างไรก็ตาม ในความคิดของผมก็ถือว่า โครงการต้นกล้าอาชีพนี้ก็ยังเป็นโครงการที่ดีอยู่ดี แต่การประชาสัมพันธ์อาจจะยังไม่ทั่วถึง ผมเองก็ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวซักเท่าไร แต่มาติดตามอีกทีก็จะถึงเวลาลงทะเบียนครั้งสุดท้ายของโครงการแล้วซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 18 - 31 สิงหาคม 2552 ตามรายละเอียดดังนี้

๑๘-๒๔ สค 2552 จัดให้มีการลงทะเบียนรับสมัคร (Key in) ทั่วประเทศ ๗ วัน
๒๕ สค 2552 คัดเลือกผู้เข้าฝึกอบรมโดยวิธีสุ่ม
๒๖ สค 2552 ประกาศรายชื่อผู้เข้าฝึกอบรม (พร้อมชื่อผู้สำรอง) ทาง e-mail, internet, SMS และประกาศติดที่สถานที่ฝึกอบรมและสถานที่ราชการที่เกี่ยวข้อง
๒๗-๒๙ สค 2552 ผู้ฝึกอบรมรายงานตัวที่สถานที่ฝึกพร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชน
๓๐ สค 2552 ประกาศรายชื่อให้ผู้ได้สำรองไปรายงานตัว
๓๐-๓๑ สค 2552 ผู้ได้สำรองรายงานตัวที่สถานที่ฝึกพร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชน
๑ กย 2552 เริ่มฝึกอบรม

กลุ่มเป้าหมาย
  1. ผู้ว่างงานสนใจฝึกอบรมอาชีพ รวมทั้งประชาชนผู้สนใจเข้ารับการอบรมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำความรู้กลับไปใช้ในหมู่บ้านชุมชนท้องถิ่น
  2. ผู้ที่กำลังอยู่ในข่ายจะถูกเลิกจ้างงาน และภาคธุรกิจต้องการให้เพิ่มทักษะโดยมีข้อตกลงให้ทำงานต่อหลังการฝึกอบรม
  3. ผู้ถูกเลิกจ้างแรงงานจากภาคอุตสาหกรรมและประสงค์จะเพิ่มพูนทักษะมากขึ้นและหลากหลาย เพื่อพัฒนาและยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงานของตนเอง
  4. ผู้สำเร็จการศึกษา ให้มีความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมีคุณภาพ
สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารับการฝึกอบรมจะได้ผลประโยชน์ดังนี้
  • ค่าเบี้ยเลี้ยงระหว่างการอบรม ๔,๘๐๐ บาท/คน/เดือนโดยเฉลี่ย จ่ายตามวันที่เข้าอบรมจริง จำนวน ๑๖๐ บาท/คน/วัน โดยผู้เข้าอบรมแต่ละคนต้องแสดงหลักฐานการรับเงินรายบุคคล
  • ค่าพาหนะเดินทางระหว่างการอบรม ๗๒๐ บาท/คน/เดือน โดยเฉลี่ยจ่ายตามวันที่เข้าอบรมจริง จำนวน ๓๐ บาท/คน/วันโดยผู้เข้าอบรมแต่ละคนต้องแสดงหลักฐานการรับเงินรายบุคคล
  • ค่าพาหนะเดินทางมาเข้ารับการฝึกอบรมครั้งแรก ในอัตราเหมาจ่าย ๑,๐๐๐ บาท/คน
ในกรณีที่ผู้ผ่านการฝึกอบรมมีความประสงค์จะกลับไปประกอบอาชีพที่บ้านเกิดจะได้รับผลประโยชน์ดังนี้
  • เงินอุดหนุนเพื่อการประกอบอาชีพ จำนวน ๔,๘๐๐ บาท/คน/เดือน เป็นเวลาไม่เกิน ๓ เดือน ทั้งนี้ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารฯ
  • ค่าพาหนะเดินทางกลับภูมิลำเนา เหมาจ่ายในอัตรา ๑,๐๐๐ บาท/คน ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารฯ และจะได้รับเงินค่าพาหนะเดินทางกลับภูมิลำเนา พร้อมกับเงินอุดหนุนเพื่อการประกอบอาชีพในเดือนแรก โดยการรับรองการกลับไปทำงานในภูมิลำเนาจากฝ่ายปกครองในพื้นที่ (กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน หรือประธานชุมชน และนายอำเภอ หรือผู้อำนวยการเขต หรือนายกเทศมนตรี หรือนายกเมืองพัทยา แล้วแต่กรณี)

Wednesday, July 29, 2009

การลดอัตราเงินสมทบกองทุนประักันสังคมจาก 432 บาท เป็น 240 บาท

ด่วนที่สุด

วันนี้เป็นวันที่ผมได้รับจดหมายจากสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนนทบุรี มาเห็นจดหมายก็ตอนประมาณทุ่มเศษ ๆ รู้สึกตกใจเล็กน้อยว่ามันเรื่องอะไรกัน เพราะร้อยวันพันปีก็ไม่เคยเห็นมีจดหมายจากประกันสังคมส่งมาถึงเลยซักครั้งเดียว นอกจากครั้งที่เคยทำเรื่องขอเงินชดเชยการว่างงานเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่แล้วหลังจากเปิดดูจดหมายก็พบคำว่า "ด่วนที่สุด" ก็ทำให้ตกใจเข้าไปใหญ่ แต่พออ่านหัวข้อแล้วถึงกับยิ้มแก้มแถบจะฉีกไปถึงหู ก็จะอะไรซ่ะอีกล่ะ ก็เป็นเรื่องที่เคยได้ข่าวมาว่าประกันสังคมจะลดอัตราเงินสมทบลงเหลือร้อยละ 3 ซึ่งแต่เิดิมจะต้องจ่ายเดือนละ 432 บาท หลังจากลดแล้วจะเหลือ 240 บาท คิดแล้วเราจะประหยัดเงินไปได้อีก 192 บาทต่อเดือน ซึ่งการลดอัตราเงินสมทบกองทุนประักันสังคมนี้จะมีระยะเวลา 6 เดือน รวมทั้งหมดแล้วเราก็ประหยัดได้ถึง 1,152 บาท ทีเดียว

ลึก ๆ ในใจของผม ผมก็ยังหวังไว้ว่า มาตราการนี้น่าจะมีการต่ออายุไปอีกเหมือนกับเรื่อง ไฟฟ้า, ประปา, รถเมล์ฟรี อะไรทำนองนี้นั่นแหละครับเนื้อหาใจในจดหมายที่ส่งมาถึงผม และถึงทุก ๆ คนที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 มีดังนี้

มุมซ้ายบนมีตัวปั้มคำว่า "ด่วนที่สุด" เลขที่เอกสาร คือ "ที่ รง ๐๖๐๔/๖๙๖๓" ทางด้านขวาบนเป็นที่อยู่ที่ส่งจาก "สำนักงานประกันสังคม ถนนติวานนท์ นนทบุรี ๑๑๐๐๐" ลงวันที่ "๒๔ กรกฏาคม ๒๕๕๒"

เรื่อง การลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม

เรียน ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙

สำนักงานประกันสังคม ขอแจ้งเรื่องการส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ปี ๒๕๕๒ ในส่วนของผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ซึ่งได้กำหนดลดอัตราเงินสมทบในกฏกระทรวงไว้เป็นระยะเวลา ๖ เดือน ให้ผู้ประกันตนตามมาตร ๓๙ นำส่งเงินสมทบเดือนละ ๒๔๐ ยาท จากเดิมเดือนละ ๔๓๒ บาท เพื่อรับประโยชน์ทดแทน ๖ กรณี ได้แก่ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีสงเคราะห์บุตร และกรณีชราภาพ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฏาคม ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ และให้นำส่งเงินสมทบในอัตราเดิมเดือนละ ๔๓๒ บาทตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ
รายเซ็นต์
(นายปั้น วรรณพินิจ)
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม

กองเงินสมทบ
โทร. ๐ ๒๙๖๕ ๒๒๕๑ - ๗๗
โทรสาร ๐ ๒๕๒๕ ๐๑๓๒

Friday, July 17, 2009

แผนที่วัดหัวลำโพง

เนื่องจากว่ามีหลาย ๆ ท่านต้องการแผนที่ที่จะไปวัดหัวลำโพงเพื่อทำบุญโลงศพ วันนี้มีเวลาอยู่บ้างก็เลยเข้าไปที่ "เว็ปไซด์วัดหัวลำโพง" เพื่อดูรายละเอียดต่าง ๆ ก็เห็นมีแผนที่วัดด้วยก็เลยนำมาฝาก ถ้าหากว่าภาพเล็กไปก็สามารถขยายใหญ่ได้ครับ หรือจะเข้าไปดูที่ แผนที่ ที่เว็ปไซด์ของวัดก็ได้ครับ เหมือนกันทุกอย่าง

หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการทำบุญโลงศพ หรือทำบุญแบบอื่น ๆ ให้กับทางวัดหัวลำโพงก็ได้ครับ เพราะที่นั่นก็มีบุญให้ท่านทำหลากหลายแล้วแต่ศรัทธาและกำลังทรัพย์ที่มีอยู่ สุดท้ายนี้ก็ขออนุโมทนาบุญกุศลที่ท่านได้ทำด้วยน๊ะครับ ขอให้เจริญ เจริญ อายุ วรรโณ สุขัง พลัง......สาธุ.....

Thursday, July 16, 2009

การใช้สิทธิประกันสังคมครั้งแรกของผมกรณีเจ็บป่วยทั่วไป

วันนี้ถือว่าเป็นวัน "เปิดบริสุทธิ์" การใช้สิทธิประกันสังคมของผมในกรณีเจ็บป่วยทั่วไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผมมีสิทธิในการใช้สิทธิประกันสังคมมาตั้งแต่เริ่มมีการทำประกันสังคมนั่นแหละครับ แต่ไม่เคยไปใช้สิทธินั้นแม้แต่ครั้งเดียว เพราะที่ทำงานเก่ามีสวัสดิการในการเบิกค่ารักษาพยาบาล และทำประกันหมู่ไว้ด้วย เพราะฉะนั้นผมจึงไม่ได้ใช้สิทธิประกันสังคมแม้แต่ครั้งเดียว

ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินว่า คนที่ไปใช้สิทธิประกันสังคมในการรักษาพยาบาล จะได้ยาที่มีประสิทธิภาพต่ำเมื่อเทียบกับการจ่ายเงินรักษาพยาบาลเอง หรือมีสวัสดิการที่ทำงาน ซึ่งผมเองก็คงต้องยอมรับครับว่า นี่คือความจริง แต่สำหรับคนที่มีเงินน้อยจะให้ทำไงได้ มีสิทธิประกันสังคมให้ใช้ดีกว่าไม่มี เพราะอย่างน้อยประกันสังคมก็ยังให้เราในส่วนอื่น ๆ นอกจากการรักษาพยาบาลไม่ใช่หรือ ตอบเองเลยว่าใช่

ถ้าให้ผมสรุปตอนนี้ว่าทำประกันสังคมคุ้มค่าหรือเปล่า ผมก็คงต้องตอบแบบตรง ๆ ในความคิดของผมว่า "ก็ยังคุ้มค่าอยู่" ถึงแม้จะไม่ได้ดูโก้เก๋ แต่ก็ช่วยผ่อนภาระบางอย่างให้กับเราได้

วันนี้ที่ผมไปใช้สิทธิก็เนื่องมาจากมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ผมก็หวั่น ๆ อยู่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือเปล่า แต่จากการสำรวจสภาพความเป็นอยู่และการเดินทางของผมในแต่ล่ะวันก็ไม่เคยเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างจะสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ผมก็เลยค่อนข้างที่จะวางใจในตัวของผมเองได้ วันนี้ผมไปใช้บริการที่โรงพยาบาลแม่น้ำ(ปากเกร็ด)มาครับ คนค่อนข้างบางตา หลาย ๆ คนก็มีผ้าปิดปาก ผมเองก็เช่นกันเตรียมมาจากบ้าน เพราะกลัวสังคมจะรังเกียจที่รู้ว่าตัวเองเป็นไข้หวัดแล้วไม่นึกถึงสังคม พอไปถึงโรงพยาบาลก็เห็นเขามีแจกผ้าปิดปากก่อนเข้าโรงพยาบาลอยู่แล้ว อย่างนี้ซิครับถึงจะเรียกว่าเป็นการป้องกันที่ดีอีกทางหนึ่ง เพราะหลาย ๆ คนที่ไม่ได้ป่วยจะมีที่ปิดปากไว้ที่บ้านก็ใช่ที่ นอกจากว่าเตรียมไว้เพื่อเดินทาง สำหรับขั้นตอนของโรงพยาบาลในการใช้สิทธ์ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เพียงแค่มีบัตรประกันสังคมกับบัตรประชาชนก็พอ สำหรับรายละเอียดอย่างเป็นทางการ ผมคัดลอกมาจากเว็ปไซด์ประกันสังคมมาโพสให้ดีอีกครั้งหนึ่งครับ

ผู้ประกันตนเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย
มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่ท่านเลือกตามบัตรรับรองสิทธิหรือ สถานพยาบาลเครือข่ายโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ระหว่างที่หยุดพักรักษาตัวตามคำสั่งแพทย์ใน จำนวนครึ่งหนึ่งของค่าจ้างตามจำนวนวันที่หยุดจริง ไม่เกินครั้งละ 90 วัน และไม่เกิน 180 วันในหนึ่งปี หากเจ็บป่วยเรื้อรังจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ไม่เกิน 365 วัน ผู้ประกันตนเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่ท่านเลือกตามบัตรรับรองสิทธิ หรือสถานพยาบาลเครือข่ายโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ระหว่างที่หยุดพักรักษาตัว ตามคำสั่งแพทย์ในจำนวนครึ่งหนึ่งของค่าจ้างตามจำนวนวันที่หยุดจริงไม่เกิน ครั้งละ 90 วัน และไม่เกิน 180 วันในหนึ่งปี หากเจ็บป่วยเรื้อรังจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ไม่เกิน 365 วัน

โดยหลักฐานที่ต้องใช้แสดงเพื่อขอรับบริการทางการแพทย์จากโรงพยาบาล ได้แก่
1. บัตรรับรองสิทธิฯ

2. บัตรประจำตัวประชาชนส่วนการขอรับเงินทดแทนการขาดรายได้ คือ
1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01 )
2. ใบรับรองแพทย์
3. หนังสือรับรองจากนายจ้าง
4. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารหน้าแรกที่มีชื่อ–เลขที่บัญชี (กรณีขอรับเงินทางธนาคาร)

ไม่ใช้เวลาในการตรวจรักษาและรอยาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ค่อนข้างที่จะรวดเร็วทีเดียว ไม่เสียเวลาเลยครับ อาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีคนมาโรงพยาบาลวันนี้ก็เป็นไปได้ เอาเป็นว่าโดยภาพรวม ๆ แล้ว ผมก็รู้สึกได้ในทางที่ดีสำหรับการใช้สิทธิในครั้งนี้

Wednesday, July 15, 2009

ข่าวดี!!! ครม. มีมติ ต่ออายุ 5 มาตรการ 6 เดือน จนถึง 31 ธ.ค

ข่าวดีสำหรับคนที่มีรายได้น้อยหรือกำลังตกงานอยู่ เมื่อวานนี้ผมก็ได้ข่าวมาว่า ครม. มีมติต่ออายุ 5 มาตรการ 6 เดือน จนถึง 31 ธ.ค ทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกโล่งใจขึ้นไปอีก อย่างน้อยเราก็สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างจะย่ำแย่อยู่ในขณะนี้

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งมาว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ตามโครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน ที่จะสิ้นสุดในเดือนนี้ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอมา

อย่างไรก็ตาม การต่ออายุมาตรการดังกล่าวส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียรายได้ประมาณ 1.1หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยตกประมาณเดือนละ 2พันล้านบาทสำหรับโครงการ 5 มาตรการ 6 เดือนเพื่อช่วยค่าครองชีพของประชาชน ประกอบด้วย
1.มาตราการแบกรับค่าใช้จ่ายค่าน้ำประปา สำหรับผู้ใช้น้ำไม่เกิน 30 ยูนิต ซึ่งจะครอบคลุมผู้ใช้น้ำประปาทั้งในเขตนครหลวงและเขตภูมิภาค 8.6 ล้านคน
2.มาตรการแบกรับค่าไฟฟ้า สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วย จากเดิมที่การใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วย ใช้ฟรี และ 80-150 หน่วย จ่ายครึ่งราคา ช่วยเหลือประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งในเขตนครหลวงและภูมิภาค
3.มาตรการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยรถประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะให้บริการรถเมล์ธรรมดาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ฟรี 800 คัน ใน 73 เส้นทาง
4.มาตรการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 ซึ่งจัดรถไฟชั้น 3 เชิงสังคม 164 ขบวน และรถไฟชั้น 3 เชิงพาณิชย์ 8 ขบวน
5.ชะลอการปรับราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ในภาคครัวเรือน

Monday, July 13, 2009

แผนที่ คลองถม - สำเพ็ง - บ้านหม้อ - พาหุรัด - สะพานเหล็ก(อีกที)

วันนี้มีเวลามานั่งทำแผนที่ตำแหน่งที่ตั้งของคลองถม - สำเพ็ง - บ้านหม้อ - พาหุรัด - สะพานเหล็ก

บ้านหม้อ แหล่งร้านเพชร ร้านจิวเวอรี่ และแหล่งเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิคส์ราคาถูก เช่น เครื่องเสียง, เครื่องเสียงติดรถยนต์, วีซีดี, ดีวีดี ทั้งแบบตั้งตกและพกพา, สำโพง, ชุดคิทอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงอะไหล่อิเล็กส์ทรอนิกส์อย่างเช่น ไอซี, ทรานซิสเตอร์, ตัวต้านทาน หรือตัวเก็บประจุ รวมไปถึงเครื่องมือช่างเช่น หัวแร้ง, ไขควง, คีม, มิเตอร์, ออสซิโลสโคป หรือเครื่องกำเนิดความถี่

พาหุรัด แหล่งรวมเสื้อผ้าสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็นไทย จีนหรือแขก ผ้าผืนสำเร็จนำไปตัดเย็บเอง หรือของชำร่วยสำหรับงานแต่งงานมงคลต่าง ๆ


สำเพ็ง ก่อนหน้านี้จะเป็นแหล่งขายผ้าสำหรับตัดเย็บเป็นส่วนใหญ่ แต่เดี๋ยวนี้กลายมาเป็นแหล่งขายปลีก/ส่งสินค้ากิ๊ฟชอปไปเสียแล้ว

สะพานเหล็ก แหล่งขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ประเภท วีซีดี, ดีวีดี, วิทยุติดรถยนต์, กล้องมือสอง, ของเล่น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเกมส์ทั้งหลายก็จะมาอยู่บริเวณนี้ค่อนข้างมาก

คลองถม แหล่งรวมสินค้าหลากหลาย เช่น นาฬิกา, แว่นตา, มีดพก, ปืนของเล่น, บีบีกัน, ของเล่นสำหรับเด็กและผู้ใหญ่, เครื่องมือช่าง(สว่าน, ไขควง, คีม, ประแจ, แม่แรง), อุปกรณ์ตกแต่งทำความสะอาดรถยนต์, อะไหล่มือถือ และของมือสองมากมาย โดยเฉพาะคืนวันเสาร์ถึงวันอาทิตย์ทั้งวัน
เอาไว้ว่าง ๆ จะมาว่ากันใหม่

Friday, July 10, 2009

ส่งเงินสมทบประกันสังคมงวดที่ 2 สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 39

เมื่อวานนี้คือวันที่ 9 ก.ค. 2552 เป็นวันที่ผมได้ไปติดต่อกับประกันสังคมจังหวัดนนทบุรีอีกครั้งหนึ่งเพื่อส่งเงินสมทบงวดที่ 2 ซึ่งความจริงแล้วสามารถชำระเงินได้จนถึงวันที่ 15 ของทุก ๆ เดือน แต่เนื่องจากผมได้เห็นประกาศที่ทางประกันสังคมแจ้งไว้ว่าจะมีคนมาใช้บริการกันค่อนข้างมากในช่วงกลางเดือน คือวันที่ 14-15 และช่วงปลายเดือน คือวันที่ 28-31 เพราะฉะนั้นผมเห็นว่าถ้าหลีักเลี่ยงได้จะเป็นการดีจะได้ไม่เสียเวลารอคิวนานเกินไป วันที่ผมไปก็ต้องรอคิวอยู่ประมาณ 15 คิวคือเป็นคนที่ 39 ใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ในขณะที่รอคิวอยู่ ผมได้สังเกตุเห็นว่า ยังคงมีคนมาขอรับเช็คช่วยชาติอยู่ ซึ่งในความคิดของผมคิดว่าน่าจะหมดระยะเวลาไปแล้ว แต่เปล่าเลย สำหรับคนที่ยังไม่ได้รับเช็คช่วยชาติก็ขอให้รีบไปรับซ่ะ จะได้ไม่เสียผลประโยชน์ของตนเอง

ในระหว่างที่รอคิว ผมก็เห็นผู้คนทะยอยกันเข้ามาใช้บริการอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้มาชำระเงินสมทบหรือรับเช็คช่วยชาติ แต่มาขอรับเงินค่ารักษาพยาบาลก็มี คือค่าอะไรต่าง ๆ ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ซึ่งผมเองก็ไม่เคยใช้บริการของประกันสังคมมาก่อนและยังไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด และขั้นตอนการขอรับสิทธินั้นเป็นอย่างไร แต่ผมว่า ถ้าเรารู้สิทธิของเราว่ามีอะไรบ้าง โอกาสนี้ผมก็ขอนำสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนมาให้ดูอีกครั้งหนึ่งดีกว่าน๊ะครับ ก็มีดังนี้

สิทธิประโยชน์
กองทุนประกันสังคม
กองทุนที่ให้หลักประกันแก่ผู้ประกันตนให้ได้รับ ประโยชน์ทดแทน กรณี

* ประสบอันตราย/เจ็บป่วย
* ทุพพลภาพ
* ตาย ซึ่งไม่เนื่องจาก การทำงาน
* คลอดบุตร
* สงเคราะห์บุตร
* ชราภาพ
* ว่างงาน

กองทุนเงินทดแทน
กองทุนเงินทดแทน คือ เงินสมทบที่เก็บ มาจากนายจ้างฝ่ายเดียว จัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อทำหน้าที่จ่ายค่าทดแทนให้กับ ลูกจ้างที่

* ประสบอันตราย/เจ็บป่วย
* สูญเสียอวัยวะ/สูญเสียสมรรถภาพของ อวัยวะ
* ทุพพลภาพ
* ตาย/สูญหาย จากการทำงานให้กับนายจ้าง

เอาเป็นภาพการ์ตูนมาให้ดูกันหน่อยจะได้น่าอ่าน(ถ้าตัวหนังสือเล็กก็ให้คลิ๊กที่ภาพเพื่อขายให้ใหญ่ขึ้น)

ที่นี่เราก็อยู่สิทธิประโยชน์ของประกันสังคมกันแล้ว ถ้าเข้าข่ายในกรณีใดก็ไปติดต่อเพื่อรับสิทธินั้นที่ประกันสังคมได้เลยครับ เพียงแค่บอกที่ประชาสัมพันธ์ที่ประกันสังคมว่ามาทำอะไร เดี๋ยวก็ได้รายละเอียดและขั้นตอนในการรับสิทธินั้นเองครับ ไม่ต้องเป็นกังวลที่จะรับสิทธิของเรา เดี๋ยวนี้ราชการเขาพัฒนาแล้วครับไม่เหมือนเมื่อก่อน และยินดีต้อนรับทุก ๆ คนด้วยน้ำจิตน้ำใจจริง ๆ

ถ้าหากมีปัญหาอะไรก็ให้คอมเม้นท์ได้น๊ะครับ เพราะทุกคอมเม้นท์จะส่งตรงมายังอีเมล์ผมทันที และผมจะตอบไปที่คอมเม้นท์ของเรื่องนั้น ๆ เองครับ

Sunday, June 28, 2009

ให้กำลังใจตนเองอย่างไรเมื่อตกงาน

คงต้องพูดกันแบบตรง ๆ เลยว่า เมื่อเราอยู่ในภาวะที่ต้องตกงาน ความรู้สีกผิดหวังในชีวิตย่อมเกิดขึ้นแน่นอน และก็อาจจะเกิดความท้อแท้ใจอยู่บ้างเมื่อเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าแต่ก็ยังตกงานอยู่้เช่นเดิม และผมก็เช่นเดียวที่ประสบกับปัญหานี้มา แต่ก็ยังมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตอยู่ นอกจากกำลังจากคนรอบข้างแล้ว ผมถือว่าการให้กำลังตนเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะว่าคนส่วนใหญ่แล้วไม่ต้องการรับรู้ความทุกข์ของเราถ้าไม่ใช่พ่อแม่พี่น้องหรือว่าเป็นเพื่อนสนิทเพื่อนตายกันจริง ๆ

ทุกวันนี้ผมก็ยังคงนั่งรอนอนรอนับวันเวลาที่ผมกำลังจะต้องปรับเปลี่ยนชีวิตครั้งสำคัญ นั่นก็อาจจะทำให้ผมมีความรู้สึกเหงาและซึมเศร้าเป็นที่สุด แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ผมก็ยังหวังว่าซักวันหนึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยมีจะกลับมาเป็นดั่งเดิมหรือมากกว่าเก่า

ผมยังคิดอยู่เสมอว่า หลาย ๆ คนไม่มีโอกาสเท่ากับผม ถึงผมจะตกงานและเงินกำลังจะหมดแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังมีร่างกายครบ 32 ไม่พิกลพิการ อีกทั้งผมก็ยังมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์อยู่ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยแต่ประการใด ผมถือว่าการมีชีวิตอยู่ด้วยร่างกายที่สมบูรณ์เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดเท่าที่มนุษย์พึงจะมีได้ และผมก็อยากให้ทุก ๆ คนคิดเฉกเช่นเดียวกันกับผมเช่นกัน ถ้าหากจะมีใครซักคนมาให้ผมเลือกระหว่างมีงานทำแต่ร่างกายพิการกับไม่มีงานทำแต่ร่างกายสมบูรณ์ ผมเลือกอย่างหลังดีกว่า

เห็นหรือยังครับว่า ผมโชคดีกว่าหลาย ๆ คนตั้งแต่เกิดมา ถึงแม้ขณะนี้ผมแทบจะไม่เหลือเงินเลยก็ตาม แล้วคุณ ๆ ทั้งหลายล่ะครับ โชคดีเหมือนกับผมหรือเปล่า

เมื่อชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ความหวังมันก็ยังคงอยู่คู่กับเราตลอดไป ขอให้ทุกคนโชคดีน๊ะครับ

Friday, June 26, 2009

พาไปเที่ยวตลาดสำเพ็ง ตอนที่ 2 รีวิวทั่วไป สำหรับท่านที่ไม่สะดวกตลาดเช้า

อันนี้ก็เป็นภาคต่อจากครั้งที่แล้วที่ต้องขออนุญาติเจ้าของกระทู้จากพันทิพนำมาเผยแพร่อีกครั้งหนึ่ง เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อหลาย ๆ คน ต้องขอขอบคุณ คุณOL Girl มา ณ ที่นี้ด้วยครับ ก็ตามนี้เลยครับ

สวัสดีค่ะ มาอีกแล้วค่ะ สำหรับรายการรีวิวสำเพ็งสำหรับ SME

คราวนี้พาไปดูว่ามีอะไรขายบ้างในช่วงกลางวันนะคะ ไม่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสาม ไปเวลาปรกตินี่แหล่ะค่ะ ตั้งแต่ 8.00 -17.00 ประมาณนี้ ก็มีของขายเช่นกันค่ะ

คลิ๊กที่รูปภาพเพื่อขยายให้ชัดขึ้น

สำหรับวิธีเดินทางไปสำเพ็ง ก็อ่านจากกระทู้ที่แล้วได้เลยค่ะ [คลิ๊กที่นี่เพื่อดูตอนที่1]

สาย 7 , 73 , 4 , 40 , 4 , 56 , 542 , 529 , 21 , 37 ลง ตรงถนนจักรวรรดิ แล้วเดินเข้าซอย วานิช 1
หรือ สาย 204 ลงตรงถนนราชวงศ์

คราวก่อนแจกแจงสินค้าไปละเอียดยิบ ทำให้เขียนแผนที่แล้วดูเลอะๆ คราวนี้ขออนุญาต รวมๆ เป็นกลุ่มๆ แล้วกันนะคะ

กลุ่มแรก คือ สินค้าพวกกิฟท์ช้อป เครื่องประดับผม สร้อยคอ ต่างหู แหวน กำไล คาดผม เครื่องประดับเกาหลี ทั้งหลาย กระเป๋าใส่เครื่องสำอาง พวงกุญแจ ที่ห้อยมือถือ เครื่องเขียนแบบน่ารักๆ ไปจนถึงพวกกระดาษห่อของขวัญ สมุดปากกา บ้านๆทั่วไป

อันนี้ก็เดินดูตามแผนที่สีเขียวได้เลยค่ะ มีร้านอยู่ตามโซนที่ mark ไว้

กลุ่มต่อมา เห็นมีเพื่อนๆสนใจถามมาหลังไมค์นะคะ คือ กลุ่มกระเป๋า รองเท้า กลุ่มนี้จะอยู่ท้ายๆ สำเพ็งหน่อย ถ้าใครรู้จักร้านทอง ตั้งโต๊ะกัง อันนี้จะอยู่โซนนั้นนะคะ ถ้าเดินไปจากต้นซอย วานิช 1 ก็พอข้ามถนนราชวงศ์ ก็จะเริ่มเข้าสู่โซนกระเป๋าก่อน

กระเป๋าก็มีทุกชนิดค่ะที่เค้าขายกัน อยากขายกระเป๋าแบบไหนก็ลองไปเดินดูนะคะ แบบพวก mirror AAA จริงๆก็มีค่ะ แต่บางร้านจะขายให้เฉพาะที่เป็นลูกค้าประจำเท่านั้น ต้องซื้อเยอะขั้นต่ำ 3 ใบ 6 ใบ

รองเท้า จะอยู่โซนท้าย ๆ เข้าไปอีก ถัดจากตรอกโรงโคมในแผนที่ รองเท้าแตะ รองเท้ายาง รองเท้าแฟชั่นแบบขาย 199 รองเท้าผ้าใบ อันนี้จะมีเยอะมาก ต้องไปเดินดูนะคะว่าอยากจะขายแบบไหน ส่วนมากขายส่งค่ะ ถ้าไปซื้อปลีก เค้าจะขายในราคา ++ เยอะเหมือนกัน

กลุ่มสุดท้าย ที่คิดว่าน่าจะเป็นของที่เอาไปขายต่อได้ดี ก้อพวกของเล่นค่ะ ของเล่นก็มีตั้งแต่ พวกเป็นแผงๆ ที่ขายตามร้านขายของชำ 5 บาท 1 บาท ตุ๊กตุ่น หม้อข้าวหม้อแกง ของเล่นน่ารักๆแบบ import จากญี่ปุ่น โมเดล อันนี้ก็เยอะค่ะ rement โมเดลแพงๆ อันนี้ก็มีหลายร้าน ไบลน์ เคยไปถามราคาถ้าซื้อส่งก้อลดได้นิดหน่อย พอ ๆ กับ pre จากเว็บพวกตุ๊กตาเป่าลม ตุ๊กตาสำหรับประดับบ้านตัวใหญ่ ๆ ที่ฮิต ๆ หรือพวกรถบังคับ เครื่องบินบังคับ อันนี้ก้อเพียบค่ะ ถ้าจะซื้อของเล่นไปขายต่อ คงต้องเดินสำรวจราคาเยอะ ๆ เพราะแต่ละร้านราคาต่างกันเยอะเหมือนกัน ยกเว้นพวกของเล่น 5 บาท 10 บาท ลูกโป่งเป่าลม ราคาพอๆกันค่ะ

Thursday, June 25, 2009

เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน นายจ้างต้องบอกล่วงหน้าหรือไม่

บังเอิญว่าไปเจอบทความหนึ่งใน jobsdb.com เกี่ยวกับเรื่องการเลิกจ้างในระหว่างการทดลองงาน น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับบางคนที่ต้องอยู่ในสถานะการณ์นี้ ลองอ่านดูน๊ะครับ แต่ไม่มีข้อมูลว่าต้องจ่ายเท่าไหร่สำหรับการเลิกจากโดยไม่บอกล่วงหน้านี้ ยังไงก็ลองติดต่อไปที่กรมแรงงานขอคำปรึกษาดูน๊ะครับ ผมว่าบริการที่กรมแรงงานก็ให้ความเอาใจใส่ดีเหมือนกัน

คุณเพิ่งเข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง โดยมีกำหนดระยะเวลาทดลองงาน 120 วัน แต่เมื่อคุณทำงานได้เพียง 30 วัน นายจ้างก็แจ้งให้คุณทราบว่า คุณไม่ผ่านการทดลองงานเสียแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นการบอกกล่าวนี้มีผลบังคับใช้ทันที วันพรุ่งนี้คุณจะกลายเป็นคนว่างงานอีกครั้ง อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เหตุการณ์เช่นนี้ยุติธรรมแล้วหรือ สำหรับลูกจ้างตาดำ ๆ อย่างคุณ

เรื่อง การเลิกจ้างระหว่างทดลองงานนี้เป็นปัญหาถกเถียงกันอย่างมาก ว่าลูกจ้างได้รับความยุติธรรมแล้วหรือ นายจ้างสามารถเลิกจ้างเมื่อไรก็ได้ ในระหว่างทดลองงานจริงหรือ จากหนังสือ “เลิกจ้างต้องระวัง” โดยคุณไพศาล เตมีย์ บอกไว้ว่า ปัญหาดังกล่าว เมื่อมีการฟ้องร้องกัน และมีฎีกาตัดสินออกมา ปรากฏว่า การเลิกจ้างเนื่องจากไม่ผ่านการทดลองงาน นายจ้างต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้าให้ลูกจ้างรับทราบด้วย หากต้องการให้ลูกจ้างออกทันทีโดยไม่ต้องการบอกกล่าวล่วงหน้า นายจ้างจะต้องจ่าย “ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า” ให้ลูกจ้างด้วยจึงจะถูกต้อง

แม้ นายจ้างจะทำสัญญากับลูกจ้างไว้แล้วว่า “ระหว่างทดลองงานนั้น นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้ทันที หากผลการทำงาน ไม่เป็นที่น่าพอใจ” แต่ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 วรรคสองและวรรคสี่ ซึ่งเป็นวรรคที่กำหนดให้ การเลิกสัญญาจ้างลูกจ้าง จะต้องบอกกล่าวล่วงหน้า หรือหากไม่บอกกล่าวล่วงหน้าก็ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้านั้น ไม่มีข้อความตรงไหนที่ยกเว้นให้ไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเมื่อเลิกจ้าง ลูกจ้างที่อยู่ระหว่างทดลองงานเลย ในเมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ จะไปตีความว่าทำได้ และให้สัญญาดังกล่าวมีผลบังคับใช้นั้น ศาลท่านก็ถือว่าสัญญานั้นเป็นโมฆะ เพราะขัดกับ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 ตามที่กล่าวมา

หรือแม้ นายจ้างจะอ้างว่า การทำสัญญากำหนดการทดลองงาน 120 วันนั้น เป็นเหมือนทำสัญญาจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลา ดังนั้นเมื่อครบกำหนด 120 วัน หากผลงานไม่ดีก็เลิกจ้างได้เลย เพราะครบกำหนดตามสัญญาแล้ว ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะตีความมาตรา 17 วรรคหนึ่งผิด ตรงข้อความที่ว่า “สัญญาจ้างย่อมสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดระยะเวลาในสัญญาจ้างโดยมิต้องบอกกล่าว ล่วงหน้า”

อย่างไรก็ดี ศาลท่านมีการตีความที่ต่างออกไป ซึ่งมีแนวฎีกาออกมาแล้วว่า ไม่ถือว่าการกำหนดการทดลองงานแบบ “ไม่เกิน 120 วัน” เป็น “สัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลา” เหตุก็เพราะในช่วงระหว่าง 120 วันที่ว่านี้ นายจ้างมีสิทธิจะเลิกจ้างเมื่อไหร่ก็ได้ หรือไม่เลิกจ้างก็ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วศาลจึงไม่ถือว่า สัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาทดลองงาน เป็นสัญญาที่มีกำหนดระยะเวลา

แต่ถึง แม้จะมีฎีกาออกมาเป็นแนวไว้แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าการถูกเลิกจ้างจะต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้าทุกกรณี หากคุณทำผิดตามมาตรา 119 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้ทันที โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า หรือจ่ายเงินชดเชยใด ๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกจ้างที่อยู่ในช่วงทดลองงาน หรือถูกบรรจุเป็นพนักงานประจำแล้วก็ตาม

สรุปแล้ว การเลิกจ้างลูกจ้างระหว่างทดลองงานจึงแยกเป็น 2 กรณีใหญ่ ๆ คือ

  1. กรณีที่ไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า คือกรณีที่ลูกจ้างได้กระทำผิดอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 119
  2. กรณี ที่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า คือการไม่ผ่านการทดลองงาน เนื่องจากผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะอาจขาดความรู้ ความสามารถหรือคุณสมบัติที่จำเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด

ดัง นั้น หากคุณถูกเลิกจ้างระหว่างทดลองงานโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าก่อนหนึ่งงวดค่า จ้าง คุณมีสิทธิ์ได้เงินแทน ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า โดยนับระยะเวลาการทำงาน ตั้งแต่วันเข้าทำงานเป็นลูกจ้าง จนถึงวันเลิกจ้างเป็นระยะเวลาทำงาน เพื่อเป็นฐานในการจ่ายค่าชดเชย


credit : jobsdb.com

Wednesday, June 24, 2009

แผนที่ตลาดนัดกรมชลประทาน

หลังจากที่ผมเปิดเรื่องราวของตลาดนัดกรมชลประทาน ซึ่งเป็นตลาดนัดช่วงเช้าที่ขึ้นชื่อของชาวจังหวัดนนทบุรี หลาย ๆ ท่านได้สอบถามถึงตำแหน่งที่ตลาด วันนี้มีเวลานิดหน่อยก็ของเอามาฝาก การเดินทางก็ขออธิบายคราว ๆ ดังนี้น๊ะครับ

ถ้ามาจากถนนแจ้งวัฒนะ
ให้ขับรถตรงมาจนถึงห้าแยกปากเกร็ดแล้วเลี้ยวซ้าย(เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด) ถ้ามองเห็นสะพานสูง ๆ ก็ให้ชิดซ้ายไว้น๊ะครับ เดี๋ยวข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปแล้วจะยุ่ง เพราะสะพานนั่นเป็นสะพานยาวข้ามแม่น้ำเรียกว่า สะพานพระราม 4 ครับ พอเลี้ยวซ้ายจากห้าแยกปากเกร็ดแล้วก็ขับตรงไปเรื่อย ๆ เลยครับ จะผ่านหน้าวัดชลประทาน(ทางซ้าย) และกรมชลประทาน(ทางขวา) ถ้าขับรถตรงไปอีกซัก 200 เมตรทางซ้ายมือก็จะเป็นตลาดนัดกรมชลประทานครับ แต่คงหาที่จอดค่อนข้างยากหน่่อยครับ ทางที่ดีให้ขับรถเข้าทางกรมชลประทาน(รอสัญญาณไฟแดงให้เลี้ยวขวา) ผ่านป้อมยามเพื่อรับบัตร หลังจากนั้นจากเห็นทางแยกซ้าย ให้เลี้ยวซ้าย และเลี้ยวซ้ายอีกทีที่แยกแรกครับ(ห่างกันประมาณ 50 เมตร) หลังจากนั้นก็ขับไปตามทางเรื่อย ๆ เลยครับประมาณครึ่งกิโลได้ ก็ให้หาที่จอด แถมนั้นจะมีทางออกซึ่งจะตรงกันข้ามกับตลาดนัดกรมชลประทานพอดี


ถ้ามาจากถนนงามวงศ์วาน
พอถึงแยกแครายให้เลี้ยวขวาแล้วขับตรงไปเรื่อย ๆ จากผ่านสามแยกสนามบินน้ำ แยกถนนสามัคคี แล้วหลังจากนั้นก็จะมีสะพานข้ามคลองก็ให้ชะลอชิดซ้ายไปเรื่อย ๆ ทางขวาจะเป็นตลาดนัดกรมชลประทาน ที่บอกให้ชะลอก็เพราะว่าอาจจะมีที่จอดริมข้างทางนั่นแหละครับ(จอดได้) ถ้าไม่มีที่จอดก็ให้ขับชิดซ้ายไปเรื่อย ๆ จนถึงสัญญาณไฟจราจรก็ให้เลี้ยวซ้ายเข้ากรมชลประทานเหมือนที่กล่าวมาแล้วครับ

ถ้ามาจากรัตนาธิเบศร์
เหมือนกันกับมาจากงามวงศ์วาน ต่างกันที่พอถึงแยกแครายก็ให้เลี้ยวซ้ายเท่านั้นเองครับ

ถ้ามาจากสะพานพระราม 5
หลังจากลงสะพานก็ขับรถตรงมาเรื่อย ๆ ก็จะมาถึงแยกแครายเช่นเดียวกัน แต่ให้ตรงไปก็จะไปถึงจุดหมายเองครับ

สำหรับตลาดนัดกรมชลประทานจะเปิดประมาณ 6 โมงเช้าถึงประมาณ 10 โมง ถ้าจะให้ดีก็ให้ไปประมาณซัก 6 โมงครึ่งก็น่าจะดีกว่า เพราะอากาศจะไม่ร้อนและร้านค้าต่าง ๆ ก็น่าจะตั้งแผงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีข้อสงสัยประการใดก็คอมเม้นท์ได้น๊ะครับ จะหาคำตอบให้อีกที


Tuesday, June 9, 2009

ส่งเงินสมทบประกันสังคมงวดแรก 432 บาท

วันนี้เป็นวันที่ผมส่งเงินสมทบประกันสังคมงวดแรกเป็นจำนวนเงิน 432 บาทหลังจากที่ตกงานมาแล้ว 7 เดือนเต็ม ก่อนที่จะส่งเงินสมทบด้วยตนเองก็ต้องสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ให้เรียบร้อยก่อน แต่ต้องไม่เกิน 6 เดือนหลังจากออกจากงาน มิเช่นนั้นแล้วก็จะสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนลงทันที

สำหรับสถานที่ที่ผมไปส่งเงินสมทบงวดแรก ก็คือประกันสังคมที่จังหวัดนนทบุรีซึ่งตั้งอยู่ภายในศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี หรือศาลากลางจังหวัดนนทบุรีแห่งใหม่นั่นเอง อยู่บนถนนรัตนาธิเบศร์ ใกล้ ๆ กับห้างโลตัส ตรงกันข้ามกับสถานีดาวเทียมไทคมนั่นแหละครับ

ตอนแรกจริง ๆ แล้วผมตั้งใจจะส่งเงินสมทบโดยใช้บริการของธนาคารกรุึงไทย แต่ดูจากข้อมูลแล้วเห็นบอกว่าจะต้องเสียค่าธรรมเนียม 10 บาท(อันนี้ยังไม่ค่อยแน่ใจ เอาไว้คราวหน้าจะลองดูถ้าไม่มีเวลาไปที่ประักันสังคมด้วยตนเอง) แต่ถ้าจะส่งเงินสมทบผ่านทางธนาคารเลยก็น่าจะสะดวกดีเหมือนกันเพราะถ้าจะไปที่ประกันสังคมในช่วงกลางเดือนกับปลายเดือนหรือต้นเดือน ผู้ใช้บริการจะเยอะมาก(อันนี้ก็เห็นเขาติดประกาศไว้ สายตาเหลือบไปเห็นก็เลยเก็บข้อมูลมาฝาก)

สำหรับผมเอง ผมก็ยังอยากให้หลาย ๆ คนที่ยังไม่ได้มีงานทำ หรือทำธุรกิจเอง ก็ลองต่อประกันสังคมดูก่อนน๊ะครับ เพราะเสียเงินแค่ 432 บาทเท่านั้นเอง แต่มีความคุ้มครองให้กับเราหลาย ๆ อย่าง ถ้าจะเปลี่ยนใจทีหลังก็ไม่ต้องส่งต่อ แล้วค่อย ๆ คิดทีหลังก็ได้ อย่าให้สิ่งนี้สูญเสียไปโดยที่เรายังไม่ได้คิดอะไรให้ถี่ถ้วนน๊ะครับ เอาเป็นว่า ให้ไปยื่นเรื่องเปลี่ยนผู้ประกันตนเป็นมาตรา 39 แล้วส่งเงินสมทบไปก่อน แล้วค่อยคิดทีหลังว่าจะเอายังไงอีกต่อไปน่าจะดีกว่าน๊ะครับ

Sunday, June 7, 2009

สำเพ็ง คลองถม พาหุรัด เยาวราช

หลาย ๆ คนสงสัยว่า สำเพ็ง คลองถม พาหุรัด สะพานเหล็ก เยาวราช อยู่ตรงไหนของกรุงเทพฯ ผมก็เลยถือโอกาสเอาแผนที่มาฝากหน่อย แต่เป็นของ google map

สำเพ็จ จะอยู่ที่ซอยวานิช 1 สามารถเดินยาวได้เลย แต่จะมีถนนราชวงค์คั่นอยู่ต้องข้ามไปอีกฝั่ง คือจะอยู่ทั้งฝั่งจักรวรรดิ์และเยาราชนั่นเอง

คลองถม จะอยู่บริเวณวัดตึก(วัดชนะสงคราม) ถนนมหาจักร และมีถนนเจริญกรุงคั่นอยู่เช่นกัน ถ้าเดินข้ามไปก็จะถึงโรงพยาบาลกลาง

พาหุรัด ตำแหน่งก็จะอยู่ที่ถนนพาหุรัด ตามชื่อถนนเลยครับ แต่แหล่งขายของจะอยู่ในซอยเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเดินมาจากทางสำเพ็ง(ตรอกหัวเม็ด) ก็จะอยู่ทางซ้ายมือ ให้เดินดูสินค้าที่ซอยไปเรื่อย ๆ ก็จะออกมาทางเพาะช่างได้ครับ

สะพานเหล็ก จะอยู่ประมาณถนนมหาไชยตามแผนที่ แต่ถ้าคนแถวนั้นจะเรียกกันว่าถนนจักรเพชรมากกว่า ถ้ามาจากตรอกหัวเม็ด ก็ให้เลี้ยวขวา(ไม่ตรงไปทางพาหุรัด) ก็จะเห็นสี่แยกแรกให้ข้ามตรงไปก็จะถึงสะพานเหล็กครับ

เยาวราช อันนี้คงไม่ต้องบอกน๊ะครับ ว่าอยู่ที่ถนนเยาวราช หรือจะเดินเลียบถนนเจริญกรุงมาก็ได้ แต่ร้านหลัก ๆ จะอยู่บนถนนเยาวราชเสียส่วนใหญ่ ยกเว้นบะหมี่จับกัง จะอยู่ริมถนนเจริญกรุง

ขอย้ำอีกครั้งครับว่า อย่าลืมสมัครสิทธิประกันสังคม มาตรา 39 ภายใน 6 เดือน

ผมไม่ได้อัปเดทบล็อคมานานพอสมควร วันนี้ก็พออัปเดทกันหน่อยพอเป็นพิธี สำหรับผมเองช่วงนี้ก็จะเป็นเดือนแรกที่ผมต้องส่งเงินประกันสังคมด้วยตนเอง เพราะหมดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ใช้สิทธิเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และต้องจ่ายภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับความคุ้มครองจากการสมัคร เป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 มี 6 กรณี คือ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตายไม่เนื่องจากการทำงาน สงเคราะห์บุตร คลอดบุตร และชราภาพ โดยผู้ประกันตนจะต้องส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง สำหรับการส่งเงินสมทบในส่วนของ มาตรา 39 นั้น สำนักงานประกันสังคมได้กำหนดให้ผู้ประกันตน ส่งเงินสมทบในอัตราเท่ากันทุกเดือน เดือนละ 432 บาท โดยผู้ประกันตนสามารถส่งเงินสมทบได้ 4 วิธี คือ

1.จ่าย ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด
2.จ่ายเงินทางธนาณัติ
3. ส่งผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน)
4.เปิดบัญชีประเภทออมทรัพย์และให้ทางธนาคารหักจากบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งผู้ประกันตนจะต้องมีเงินให้เพียงพอเพื่อหักเงินสมทบ จำนวน 432 บาท และค่าธรรมเนียม 10 บาท ภายวันที่ 1 ถึงวันที่ 15 ของเดือนถัดไป โดยธนาคารจะจัดส่งใบเสร็จรับเงินให้ผู้ประกันตนทางไปรษณีย์ หากนำส่งเงินสมทบดังกล่าวเกินกำหนดจะต้องเสียเงินเพิ่ม ร้อยละ 2 ต่อเดือน


หากผู้ประกันตนต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนประกันสังคม 1506 ติดต่อทางระบบโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติ ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรงให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 07.00–19.00 น. หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.sso.go.th

Thursday, April 30, 2009

ยื่นคำร้องของเป็นผู้ประกันตน(เปลี่ยนจากมาตรา 38 เป็น 39) หลากหลายคำถามที่ควรรู้

เมื่อวานนี้ผมได้ไปยื่นคำร้องเพื่อขอเป็นผู้ประกันตนต่อโดยเปลี่ยนจากมาตรา 38 เป็น 39 ด้วยเห็นว่าชีวิตนี้คงไม่มีหลักประกันอะไรแล้วหลังจากออกจากงาน เพราะว่าเป็นห่วงในกรณีที่เจ็บป่วยและตัวเราเองก็ยังไม่ได้มีงานทำ ซึ่งในช่วงนี้ก็ได้ข่าวอีกว่าทางรัฐบาลมีนโยบายที่จะลดจำนวนเงินสมทบเข้าประกันสังคมให้อีก 2 เปอร์เซ็นต์ผมก็คงต้องติดตามเรื่องนี้ต่อไป แต่ที่แน่ ๆ คือในขณะนี้ก็ต้องจากเงินสมทบด้วยตนเองเป็นจำนวนเงินสี่ร้อยกว่าบาทซึ่งก็ไม่ได้ถือว่ามากมายอะไร ถ้าประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องอื่น ๆ ก็คงจะไม่ทำให้เราเดือดร้อนไปมากกว่านี้ซักเท่าไหร่

ด้วยเหตุผลที่ต้องการให้มีหลักประกันในชีวิต ผมก็ตัดสินใจในทันทีที่จะไปต่อประกันสังคม ซึ่งก็ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อย หลักฐานที่ต้องนำไปด้วยก็มีแค่สำเนาบัตรประชาชนเท่านั้นเอง โดยแนบกับคำร้องที่ต้องขอจากพนักงานแล้วกรอกรายละเอียดส่วนตัวเบื้องต้นเท่านั้น มีอยู่เรื่องหนึ่งก็คือ จะมีช่องที่ต้องกรอกในส่วนของโรงพยาบาลที่เราจะต้องเลือก อันนี้ถ้าคิดไว้ก่อนก็น่าจะดี เอาเป็นว่าเลือกที่ที่เราสะดวกและน่าเชื่อถือเป็นการส่วนตัวนั่นแหละครับเป็นดีที่สุด

ประกันสังคมผมจะสิ้นสุดวันที่ 6 พค. 52 นี้ เมื่อยื่นเรื่องเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะได้รับเอกสารพร้อมกับบัตรประกันสังคมอันใหม่ สำหรับเงินงวดแรกก็จะจ่ายในเดือนหน้า(ตอนแรกนึกว่าจะต้องจ่ายทันทีเสียอีก) สอบถามได้ความว่า หลักการของประกันสังคมคือให้จ่ายทีหลังจากจบเดือนไปแล้ว แต่ต้องไม่เกินวันที่ 15 ของเดือนถัดไป สุดท้าย ผมก็นำหลากหลายคำถามมาฝากเผื่อมีข้อสงสัยประการใด

ผู้ประกันตนที่ลาออกจากมาตรา 33 แล้วจะสมัครในมาตรา 39 ได้หรือไม่
ผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน มีสิทธิสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 โดยยื่นคำขอภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ลาออกจากงานและให้สิทธิคุ้มครองผู้ประกันตน 6 กรณีคือ กรณีเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต สงเคราะห์บุตรและชราภาพ ยกเว้นกรณีว่างงาน

จะสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 มีหลักเกณฑ์อย่างไรบ้าง

คุณสมบัติของผู้ประกันตนที่จะสมัครมาตรา 39
1.เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 12 เดือน
2.ต้องยื่นคำขอเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39 ภายใน 6 เดือนนับแต่วันสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง
3.ต้องไม่เป็นผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพจากกองทุนประกันสังคม

การสมัครเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39 จะสมัครได้ที่ใด และใช้หลักฐานอะไรบ้าง
ผู้ ประกันตนสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ได้ที่สำนักงานประกันสังคมทุกแห่งที่ผู้ประกันตนสะดวก โดยต้องยื่นใบสมัครตามแบบคำขอเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 (สปส.1-20) พร้อมแนบบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่มีรูปถ่ายซึ่งทางราชการออกให้ พร้อมสำเนา ทั้งนี้ในการสมัครผู้ประกันตนจะต้องเคยนำส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือนและต้องสมัครภายใน 6 เดือนหลังจากที่ออกจากงาน

เมื่อสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 แล้วจะจ่ายเงินสมทบได้ที่ใดบ้าง
1. จ่ายที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด พร้อมแบบส่งเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 (สปส.1-11)
2. จ่ายเงินทางธนาณัติ พร้อมแบบส่งเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 (สปส.1-11)
3. หักจากบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
4. จ่ายด้วยเงินสดที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ต้องนำส่งเงินสมทบตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หากนำส่งเกินกำหนดจะต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 2 ต่อเดือน

สาเหตุที่ทำให้สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 มีอะไรบ้าง
1. ไม่ส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน (สิ้นสภาพตั้งแต่เดือนแรกที่ขาดส่ง)
2. ลาออก
3. กลับเข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33
4. ตาย
5. ภายในระยะเวลา 12 เดือนส่งเงินสมทบไม่ครบ 9 เดือน

**กรณีลาออกหรือกลับเข้าทำงานและเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ให้ยื่นแบบแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 (สปส.1-21)


ผู้ประกันตนลาออกจากงานเมื่ออายุ 60 ปีแต่ได้เข้าทำงานใหม่ตอนอายุ 61 ปี จะสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ได้หรือไม่
ได้ จะต้องมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสำนักงานประกันสังคมกำหนด

ลูกจ้างอายุครบ 60 ปี นายจ้างให้ออกจากงานเพราะเกษียณอายุจะมาสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ได้หรือไม่
ได้ หากส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือนและยื่นคำขอภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ลาออกจากงาน

กรณีออกจากงานเกิน 6 เดือน แต่อยากเข้าประกันต่อจะทำได้หรือไม่
กรณีออกจากงานเกิน 6 เดือนแล้ว ไม่มีสิทธิสมัครเป็นผู้ประกันตนต่อไป

Sunday, April 26, 2009

ทำบุญโลงศพ วัดหัวลำโพง

วันนี้ถือว่าเป็นวันดีสำหรับผมทีเดียว เพราะตั้งใจเอาไว้ว่าจะต้องทำบุญโลงศพตามที่อาจารย์ท่านหนึ่งแนะนำเป็นจำนวนเงิน 132 บาท สถานที่ที่ผมนึกจขึ้นมาได้เห็นจะมีอยู่แค่ที่เดียวคือที่วัดหัวลำโพงนี่เอง

ผมวางแผนที่จะออกเดินทางช่วงเช้าจะได้ไม่ร้อนมาก และอาจจะเป็นโชคดีของผมเสียนี่กระไร อากาศร้อนอบอ้าวอยู่หลายวัน พอมาวันนี้มีเค้าครึ้มฟ้าครึ้มฝนซ่ะอย่างงั้น และก็แน่นอนอีกนั่นแหละครับ ผมจะเดินทางโดยทางรถเมล์ฟรีเหมือนเดิม ก่อนออกเดินทางผมได้ศึกษาดูแผนที่เรียบร้อยแล้วครับว่าวัดหัวลำโพงอยู่ ณ ตำแหน่งใดของกรุงเทพฯ เพื่อจะได้เดินทางรวดเดียวไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด

จากจุดเริ่มต้น ผมกะว่าจะนั่งรถเมล์สาย 18 แล้วไปต่อรถที่อนุเสาวรีย์ชัยฯ แต่รถไม่เห็นมาซักที มีแต่รถเสียตังค์ทั้งนั้น ก็เห็นอยู่สายหนึ่งแล่นผ่านมาพอดีคือสาย 203 ก็ถือโอกาสเปลี่ยนเส้นทางซ่ะเลยเรียกได้ว่าผมนั่งตั้งแต่ต้นสายจนถึงสุดสายกันทีเี่ดียวครับ

หลังจากที่รถเมล์สาย 203 แล่นมาถึงสนามหลวงผมก็ลงที่ป้ายหน้ากระทรวงยุติธรรม กำลังใช้ความคิดอยู่ว่าจะไปสายไหนต่อดี แต่ถ้าจะต่อรถจากจุดเดิมคงไม่ค่อยดีเท่าไหน ว่าแล้วผมก็เดินตรงไปผ่านหลักเมืองกรุงเทพฯ เอ๊ะไหน ๆ ก็ผ่านมาแล้วและเคยผ่านมาตั้งหลายครั้ง อยู่กรุงเทพฯมาก็นาน ไม่เคยเข้าไปดูหลักเมืองกรุงเทพฯซักที ว่าแล้วก็ขอเข้าไปไหว้ศาลหลักเมืองก่อนเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต

ผมค่อนข้างประหลาดใจอยู่เหมือนกันว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ก็ยังเห็นมีคนเข้าไปไหว้ศาลหลักเมืองอยู่ตลาดทั้งวัน แต่ผมขอไหว้โดยไม่มีดอกไม้ธูปเทียน คือ ใช้ใจที่บริสุทธิไหว้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับคนที่ไม่ค่อยจะมีเงินซักเท่าไรในช่วงเวลานี้สำหรับผม

หลักจากที่ไหว้ศาลหลักเมืองเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินตรงต่อไปผ่านหน้ากระทรวงกลาโหมเพื่อไปยังป้ายรถเมล์ป้ายถัดไป คิดอยู่ในใจว่า น่าจะมีหลายสายที่พอจะพาเราไปถึงจุดหมายได้ ว่าแล้วก็เห็นสาย 1 ผ่านมา(ฟรีเหมือนเดิม) ก็กะว่าจะไปลงที่คลองถมแล้วก็ต่ออีกต่อหนึ่งน่าจะดีกว่า

พอไปถึงคลองถมก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง และด้วยความเคยชินกับอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจทำให้ต้องกลืนน้ำลายอีกแล้ว นั่นก็คือ ปอเปี๊ยะขาหมู เวลาที่ไปถึงก็ถูกต้องเหมาะเจาะ เป็นอาหารกลางวันพอดี ว่าแล้วก็รีบจ้ำอ้าวไปที่ร้านทันที(ความจริงไม่ใช่เป็นร้านหรอกครับ อยู่บนถนนธรรมดามานานหลายสิบปีแล้วครับ) หลังจากเสร็จสิ้นอาหารกลางวันก็ลังเลใจ อยากจะเดินเล่นคลองถมอีกแ้ล้ว แต่ต้องทำหน้าที่ที่สำคัญก่อน ว่าแล้วก็มองหารถเมล์คันต่อไป

ผมใช้เวลาค่อนข้างนานในการรอรถเมล์ที่คลองถม เพราะส่วนใหญ่รถที่วิ่งผ่านมาเป็นรถเสียตังค์ก็เลยไม่ขึ้น ประมาณ 10 นาที ก็เห็นรถเมล์สาย 4(ฟรี) มาพอดี ผ่านเป้าหมายแน่นอน รถแล่นมาจนถึงสามย่านผมก็ลงที่ป้านหน้าจามจุรีคอมเพร็คซ์(จำไม่ค่อยได้ว่าใช่ชื่อนี้หรือเปล่า) เดินย้อนกลับมานิดหน่อยอยู่ฝั่งตรงกันข้าม นั่นแหละครับคือ วัดหัวลำโพง ที่หมายที่ผมต้องการจะไปให้ถึง

ผมว่าผมค่อนข้างจะมีเซ๊นส์อยู่พอสมควรว่าสถานที่ที่ทำบุญโลงศพอยู่ตรงไหน ตอนแรกก็ว่าจะถามรปภ. แต่ลองเดินไปดูก่อน เพราะถ้าไปไม่ถูกก็จะได้เดินชมสถานที่ไปด้วย จากประตูทางด้านถนนพระราม 4 เดินไปทางด้านขวามือชิดกับกำแพงก็จะเห็นมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่นี่เองครับที่คนเค้าไปทำบุญโลงศพกัน ซึ่งก็ติดอยู่กับถนนอีกฝั่งหนึ่ง(ไม่รู้ว่าชื่อถนนอะไร เป็นสี่แยกที่จะไปมาบุญครองได้)

ภายในมูลนิธิ เดินเข้าไปก็คงไม่ต้องไปถามใครให้เสียเวลาว่าทำบุญโลงศพที่ไหน เพราะมีเจ้าหน้าที่หลาย ๆ ท่านนั่งประจำการเพื่อรอรับบริจาคอยู่แล้ว อันนี้ก็แล้วแต่กำลังศรัทธา มากน้อยไม่เป็นไร ขอให้ใจเป็นกุศลเป็นพอ ผมก็รีบนำเงิน 132 บาทที่ผมเตรียมไว้ออกมา แล้วก็บอกเจ้าหน้าที่ว่า บริจาค/ทำบุญ 132 บาทครับ แค่นี้เท่านั้นเอง เจ้าหน้าที่ก็จะนำใบอุทิศส่วนกุศลเขียนชื่อเราพร้อมรายเซ็นต์เท่านี้เป็นอันเรียบร้อย แต่ยังไม่จบครับ

ผมก็ถามเจ้าหน้าที่อีกว่า ใบนี้เอาไว้ทำอะไรครับ(เป็นใบสีส้มชมพูที่เราเขียนชื่อ) เจ้าหน้าที่ตอบว่า ให้นำไปแป็ะไว้ที่โลง ทางมูลนิธิจะมีกาวแป้งเปียกเตรียมไว้เรียบร้อย เราก็แค่ติดกาวแล้วก็ไปติดที่โลงตำแหน่งไหนก็ได้ด้วยใจบริสุทธิ และนี่ก็คือทั้งหมดในการทำบุญโลงศพของผมวันนี้ หลังจากนั้นผมก็เดินทางกลับ

 

© 2013 คนตกงาน. All rights resevered. Designed by Templateism

Back To Top