คุณเคยคิดกันไหมคะว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เกิดมา เป้าหมายในชีวิตของคุณ คืออะไร? ตอนเด็กๆ หากคุณครูหรือใครก็ตามถามว่าโตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร คำตอบที่ได้ยินคงไม่พ้น เป็นหมอ เป็นครู เป็นทหาร และอีกหลาย ๆ อาชีพนับไม่ถ้วน
แต่...ถ้าถามว่า จะมีซักกี่คนที่สามารถเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริงได้คิดว่าคำตอบที่ได้คงไม่ถึง 1 ใน 3
ดิฉันขอแชร์ประสบการณ์ของตัวเองหน่อยนะคะ
ดิฉันเองเป็นเด็กในจำนวนเด็กหลายๆคนที่เคยตอบคุณครูกลับไปว่าอยากเป็นหมอ เพราะหมอเป็นอาชีพที่ดูสวยหรู เป็นหมอได้รักษาคน ได้ช่วยพ่อแม่ญาติพี่น้อง และที่สำคัญ คิดว่าได้เงินเยอะ (มากๆ)
แต่พอโตขึ้นมาอีกนิด ความคิดก็เปลี่ยนไป เนื่องจากสติปัญญาไม่เอื้ออำนวย บอกกับความขี้เกียจที่เริ่มทวีคูณขึ้นตามอายุ และวัยวุฒิที่มีมากขึ้น ทำให้สรุปได้ว่า อาชีพหมอมันคงไม่ใช่อาชีพที่ใช่สำหรับเราอีก คราวนี้เลยเกิดปัญหาหนักว่า แล้วอาชีพที่เราชอบ เราอยากทำล่ะ คืออะไร?
คำถามนี้มันวนเวียนอยู่ในสมองอันน้อยนิดของดิฉันมาตลอด ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ซักที สุดท้ายจึงใช้วิธีการเลือกตัดสิ่งที่ไม่ชอบออกไป
เริ่มจากการเลือกสายเรียนตอนมัธยมปลาย ไม่ชอบวิทย์ ไม่เรียนวิทย์-คณิต เรียนฝรั่งเศสต้องเริ่มเรียนใหม่ ไม่เรียนศิลป์ฝรั่งเศส กลัวอยู่ในสังคมของเด็กอาร์ตไม่ได้ ไม่เลือกเรียนศิลปะ
สุดท้ายชีวิตที่เกิดขึ้นจากการตัดตัวเลือก ก็ทำให้ตัดสินใจได้ว่าเราเหมาะที่จะเรียนคณิต-อังกฤษ ดิฉันเรียนมาได้ตลอด 3 ปี ด้วยสภาพของคนที่คิดว่าเรียนไปงั้นๆ แต่ก็จบมาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.5 เพื่อรอยื่นเข้ามหาวิทยาลัยต่อไป คุณเชื่อไหมว่าช่วงนั้นดิฉันก็ยังคงหาคำตอบไม่ได้ว่าเป้าหมายในชีวิตของดิฉันคืออะไรกันแน่??
ชีวิตดิฉันเริ่มเข้าสู่จุดวิกฤติอีกรอบ เมื่อเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย ดิฉันก็ยังใช้วิธีการตัดตัวเลือกเหมือนเดิม ด้วยคะแนนเอ็นทรานซ์และวิธีตัดตัวเลือกที่ดิฉันชอบใช้ สรุปสุดท้ายตัวเองก็ได้เข้าศึกษาที่คณะมนุษยศาสตร์ของม.รัฐมีชื่อแห่งหนึ่ง
บอกตรงๆค่ะ ตลอด 4 ปีที่เข้าเรียน ยังคงเฝ้าวนถามตัวเองด้วยคำถามเดิม ๆ ตลอดมาถึงสิ่งที่อยากทำจริงๆ คิดวนเวียนอย่างนี้มาตลอด จนกระทั่งเรียนจบมาด้วยเกรดเฉลี่ยที่ไม่ต่างจากตอนสมัยมัธยม
...จนเริ่มเข้าทำงาน ดิฉันถึงตอบคำถามสุดหินนี้ได้ ชีวิตการทำงานทำให้เรามองอะไรได้กว้างขึ้น ได้พบเจอผู้คนร้อยแปด ได้พบเจอกับรอยยิ้มและน้ำตา ปัญหาและอุปสรรคในการทำงานทำให้คนเราเข้มแข็งขึ้น และมองโลกใบนี้ได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ดิฉันค้นพบตัวเองได้จากวิกฤติที่มีเข้ามาค่ะ
วันนั้นเจ้านายดิฉันเห็นว่าดิฉันมีความสามารถในการทำงานโปรแกรมออกแบบ ดิฉันจึงถูกมอบหมายงานออกแบบที่เป็นชิ้นเป็นอันครั้งแรกในชีวิต แม้ว่าความสามารถด้านนี้จะเป็นความชอบส่วนตัว แต่ดิฉันไม่เคยมีความคิดที่จะมาประกอบอาชีพด้านนี้เลย เนื่องจากที่ทำไปเพราะใจรัก ไม่เคยศึกษาด้านนี้อย่างจริงจัง ที่ผ่านมาอาศัยศึกษาและลองผิดลองถูกด้วยตนเองมาตลอดแม้ว่าเคยมีความคิดที่จะศึกษาความรู้เพิ่มเติมด้านนี้ แต่เพราะดิฉันปล่อยให้มันเป็นเพียงแค่ความคิด โอกาสทั้งหมดจึงหลุดลอยไป ..
ตอนนี้ดิฉันหยิบคว้าโอกาสนั้นไว้แล้วค่ะ ดิฉันกำลังจะเข้าศึกษาด้านนี้อย่างจริงจัง จะไม่คิดอย่างเดียวโดยไม่ลงมือทำอีกต่อไป แม้ว่าจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่คงดีกว่าที่เราไม่คิดจะเริ่มต้นอะไรเลย
อาจจะยาวนิดหน่อยนะคะ แต่ดิฉันอยากให้เรื่องราวของตัวเองเป็นตัวอย่างให้กับทุกคนที่กำลังตามหาเป้าหมายในชีวิตอยู่
หากคุณค้นหาเป้าหมายของคุณเจอแล้ว ดิฉันขอแสดงความยินดีด้วยคุณเป็นบุคคลที่โชคดีมากค่ะ ...แต่หากคุณยังหาเป้าหมายในชีวิตของคุณไม่เจอหรือกำลังค้นหามันอยู่ล่ะก็ คุณไม่ต้องเสียใจไปค่ะ ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้ มันคงหลบอยู่ในซอกหลืบลึกๆในใจของคุณเองนั่นล่ะค่ะ ในไม่ช้าดิฉันเชื่อแน่นอนว่าคุณจะค้นพบมันและมีความสุขกับมัน
หากคุณกำลังนั่งบ่น นั่งน้อยใจ กับงานที่ทำอยู่ว่ามันไม่ใช่ตัวตนของคุณบ้างล่ะ มันหนักเกินไปบ้างล่ะ มันเหนื่อยจนทนไม่ไหวบ้างล่ะ ตื่นมาความคิดแรกที่ผุดในหัวคือไม่อยากมาทำงานบ้างล่ะ ดิฉันอยากให้คุณเก็บมันไว้เป็นประสบการณ์ชีวิต ไม่แน่...ในวิกฤติที่คุณเจอ มันอาจมีโอกาสแฝงเข้ามาด้วยก็ได้ อยู่ที่ว่าคุณจะมองเห็นมันหรือไม่ก็เท่านั้นเอง
ความสุขที่ได้รับจากการทำสิ่งที่เรารัก เป็นเป้าหมายในชีวิตของดิฉันแล้วคุณล่ะคะ เจอเป้าหมายในชีวิตรึยัง??
บางคนรู้ทั้งรู้ว่ารักที่จะทำอะไร แต่ก็ไม่กล้าที่จะทำ ไม่กล้าที่จะเสี่ยง สุดท้ายก็อยู่ที่เดิม หรือเดินถอยหลัง
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment