ผมไม่ใช่เป็นคนงมงาย หรือเฝ้าวิงวอนร้องขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ที่พอจะเป็นที่พึ่งทางจิตใจให้กับเราได้ วันนี้ก็เป็นวันดี คือเป็นวันมาฆะบูชา ผมก็เลยถือโอกาสนี้ที่จะทำบุญตามประเพณีที่ชาวพุทธทุก ๆ ท่านย่อมทำกันเป็นปกติ แต่สำหรับผมแล้ว ผมว่า วันนี้เป็นวันที่วิเศษกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา นึกย้อนไปถึงคำพูดที่โบร่ำโบราณกล่าวกันไว้ว่า "ไม่มีทุกข์ ไม่เห็นธรรม" มันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
บางคนเคยกล่าวกับผมว่า อย่าไปหวนนึกถึงอดีตที่เคยผิดพลาด เพราะอย่างไรเสียเราก็ไม่สามารถที่จะกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก แต่สำหรับผมแล้ว คงจะทำใจให้ลืมได้ยากในบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นกับผม และผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่า คนที่พูดอย่างนั้น ทำได้จริงหรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อดีของผมก็คือ ผมไม่ได้หมกหมุ่นอยู่กับอดีต แต่ว่าหวนนึกถึงอดีต เพื่อทบทวนบางสิ่งบางอย่างที่เราได้ก้าวพลาดไป และเตือนสติตัวเองอยู่เสมอว่า เราจะไม่ ความผิดพลาดในอดีตสามารถแก้ไขและนำไปใช้ได้ในอนาคต ก็เหมือนกับเป็นประสบการณ์ที่เราได้เผชิญมาโดยตรงด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็เหมือนการเรียนภาษาอังกฤษ ที่ทุก ๆ คนมักจะพูดว่า "learn from mistake" หรือเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั่นเอง หรืออาจจะเป็นคำพูดไทย ๆ ที่่ว่า "ผิดเป็นครู" บางคนอาจจะเป็นถึงครูใหญ่ คณะบดี หรือรมต.กระทรวงศึกษาไปแล้ว เพราะผิดซ้ำซาก และไม่คิดจะแก้ไข
ผมสังเกตุด้วยตัวเองแล้วพบว่า การสวดมนต์ช่วยให้จิตใจเราดีขึ้นจริง ๆ ซึ่งเรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้ง่าย ๆ ก็คือ การสวดมนต์ ก็เหมือนกับการเปล่งเสียงออกมา เหมือนกับการร้องเพลง ซึ่งบางครั้งเราต้องหายใจลึก ๆ หรือหายใจออกยาว ๆ ช่วยให้อ๊อกซิเจน และคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ สามารถเข้าออกได้ลึกและยาวขึ้น อาจจะเป็นทฤษฎีส่วนตัวของผมเองน๊ะครับ นึกได้อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะคล้าย ๆ กันก็คือ การฝึกการหัวเราะของอาจารย์ชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้ว ที่ค่อนข้างจะเป็นที่นิยมในช่วงนี้ ก็เหมือนกับการกำหนดการหายใจ และการขยับกล้ามเนื้อภายใน ทำให้สมองโล่ง สุขภาพจิตใจและร่างกายภายในดีขึ้น อีกอย่างหนึ่งที่เป็นข้อดีของการสวดมนต์ก็คือ การสวดมนต์เป็นเรื่องที่ยากถ้าต้องการสวดให้ถูกต้อง เพราะฉะนั้นชาวพุทธทั้งหลาย ควรจะสวดมนต์ให้ถูกจังหวะ ถูกคำและอักษร ถ้าเราคิดได้อย่างนี้แล้ว ในขณะที่เราสวนมนต์ เราก็จะนึกถึงแค่เรื่องเดียว คือสวดมนต์ให้ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ความคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ ก็จะหายไป เพราะจิตใจเราจดจ่ออยู่ที่การสวดมนต์อยู่ตลอดเวลา
อย่างไรเสีย ไม่ว่าโชคชะตา หรือฟ้าจะลิขิตให้เราเป็นเช่นไร แต่อย่างหนึ่งที่ผมอยากจะขอร้องให้ทุก ๆ คนปฏิบัติ นั่นก็คือ การเป็นคนดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น และรู้จักการให้โดยไม่หวังสิ่งอื่นใด ให้เรานึกอยู่เสมอว่า ทุกวันนี้ที่เรามีชีวิตอยู่ คือ กำไรล้วน ๆ เราเกิดมาก็ไม่ได้มีอะไรมาพร้อมนอกจากร่างกาย เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ สิ่งอำนวยความสะดวกคือกำไร ผมเองก็ยังกำไรอยู่อีกเยอะ แต่จะไม่ยอมเท่าทุนเป็นอันขาด
สุดท้าย ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองทุก ๆ ท่านให้อยู่รอดปลอดภัย
บทสรุปสำหรับบทความนี้
1. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และช่วยทำให้เราสบายใจ
2. ไม่มีทุกข์ ไม่เห็นธรรม
3. ผิดเป็นครู หรือ learn form mistake
4. สวดมนต์ช่วยให้จิตใจเราดีขึ้น
5. ชีวิตนี้มีแต่กำไร
Monday, February 9, 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
1 ความคิดเห็น:
ผมก็เป็น
Post a Comment