หลาย ๆ คนคงเป็นทุกข์กับสถานะการณ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองจะต้องเผชิญหลังจากต้องอำลาจากงานที่เคยทำ และเพื่อนร่วมงาน ความรู้สึกอาลัยอาวรณ์กับสภาพที่คุ้นเคยมานานแสนนานก็ย่อมมีผลต่อจิตใจ แต่...นั่นเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่คุณอาจจะรู้สึก ผมอยากให้ทุก ๆ คนเข้มแข็งพอที่จะก้าวเดินต่อไป สำหรับเพื่อนร่วมงานแล้ว ไม่ว่าเราจะยังคงทำงานอยู่ที่เดิมหรือไม่ก็ตาม เพื่อนก็ย่อมยังเป็นเพื่อนอยู่วันยังค่ำ และไม่มีทางแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากว่าคุณจะไม่มีเพื่อนแท้เลยความรู้สึกสับสน อ้างว้าง และโดดเดี่ยวก็อาจจะมีมากบ้าง น้อยบ้าง
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลที่จะสามารถควบคุมมันได้ แต่ไม่ช้าไม่นาน คุณก็จะรู้ว่า คุณเองมีความเข้มแข็งแค่ไหน สำหรับผมก็ยังคงต้องใช้เวลาต่อไปที่จะต้องก้าวเดินถึงแม้ว่าหนทางที่มองไปข้างหน้าจะเลือนลางมากสำหรับตัวผมเอง แต่ก็นั่นแหละ มีแค่ตัวเราเองเท่านั้นที่จะสามารถควบคุมความรู้สึก และสถานะการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ผมอยากจะบอกว่า ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมไม่เคยเห็นใครอดข้าวตายเลยซักคน มีแต่ที่จะคิดทำร้ายตัวเองเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์ แต่ผมอาจจะโชคดีกว่าหลาย ๆ คนตรงที่ ผมไม่ค่อยจะมีหนี้สินซักเท่าไร แม้ว่าตอนนี้เงินผมแทบจะไม่มีเลยก็ตาม แต่ผมก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ผมก็ใช้วิธีค่อย ๆ คิดกันไปเป็นวันต่อวัน ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง(เรียกว่าไม่ใช้อะไรเลยนอกจากกินเท่านั้น)
สำหรับตัวผมเอง ผมคิดว่า ผมสามารถที่จะดำเนินชีวิตต่อไปได้ประมาณ 6 เดือน
หลังจากนั้น รถยนต์ที่ผมใช้ก็คงจะต้องลาจาก ทุกวันนี้ผมเหมือนใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว เพราะผมไม่ได้บอกญาติพี่น้องเลยว่า ผมตกงาน และก็ไม่ค่อยจะมีเงินแล้วผมคงให้เวลาตัวเองได้อีกประมาณหนึ่งเดือน โดยการนั่งคิด นอนคิดว่าเราจะหารายได้จากไหนดี เพราะคงหมดโอกาสที่จะหางานใหม่แน่นอน อย่างน้อยก็อีก 2 ปี(เท่าที่ผมคาดคะเนด้วยตัวเอง)
ตกงานมาแล้วสามเดือนกว่ามันก็ได้เรียนรู้อะไรค่อนข้างเยอะ สิ่งหนึ่งที่ผมได้รับก็คือ ผมมีเวลาให้กับตัวเองเยอะ รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้ รู้ว่าเป้าหมายที่แ้ท้จริงในชีวิตคืออะไร มีเวลาเรียนรู้สังคมภายนอกมากขึ้น เข้มแข็งและก็แกร่งขึ้น และแน่นอนว่า ผมจะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่ถูกลิขิตมาในแบบที่ผมก็ไม่ต้องการ
สุดท้าย ขอให้พระคุ้มครอง คิดดี คิดกุศล ไม่ทำลายตัวเองและผู้อื่น

0 ความคิดเห็น:
Post a Comment